ตั้งกรรมการร่วมเอกชนไทย-เมียนมาร์ ดันข้อเสนอให้รัฐบาลแก้ไข เน้นปัญหาโลจิสติกส์และการข้ามแดน ทำโมเดลเมืองคู่แฝดแม่สอด- เมียวดี
ตั้งกรรมการร่วมเอกชนไทย-เมียนมาร์ ดันข้อเสนอให้รัฐบาลแก้ไข เน้นปัญหาโลจิสติกส์และการข้ามแดน ทำโมเดลเมืองคู่แฝดแม่สอด- เมียวดี
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการลง นามความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน และโลจิสติกส์ ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าเมียนมาร์ และความร่วมมือการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี ระหว่างหอการค้าจังหวัดตาก กับหอการค้าเมียวดี โดยตั้งเป้าหมายที่จะขยายมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างกันในปี 2559 ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากปัจจุบันที่มีมูลค่าการค้ากว่า 2 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกันยังได้มีการจับคู่ธุรกิจระหว่างภาคเอกชนไทย และเมียนมาร์ และมหกรรมการค้าชายแดน จังหวัดตาก ที่ สนามกีฬากลางเทศบาลนครแม่สอดซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ม.ค. - 1 ก.พ. 2558 เพื่อเชื่อมโยงการค้า ระหว่างผู้ประกอบการ โดยมีสินค้าจากผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ ทั้งไทยและเมียนมาร์ กว่า 300 คูหา และคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
นาย อู วิน มิน รมว.พาณิชย์เมียนมาร์ กล่าวว่า การจัดตั้งเมืองคู่แฝด แม่สอด - เมียวดี จะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการของเมียนมาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี โดยเชื่อว่าจะขยายการค้าระหว่างกันได้เป็น 2 -3 เท่า และทำให้การค้าชายแดนระหว่างกันมีมาตรฐานสากล เนื่องจากได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างหอการค้าไทย และเมียนมาร์ ที่เป็นรูปธรรม ที่จะช่วยผลักดันให้การค้ามีความคล่องตัวมากขึ้น
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนไทย-เมียนมาร์ได้ลงนามความตกลงจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการค้าชายแดน โดยมีตัวแทนของภาคเอกชนทั้ง 2 ฝ่ายเป็นคณะกรรมการ เพื่อจัดทำข้อเสนอยื่นต่อภาครัฐของทั้ง 2 ฝ่าย ในแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการค้าชายแดน โดยจะจัดให้มีการประชุมร่วมกันทุก 6 เดือน ซึ่งในครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในเดือนส.ค. ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า
ทั้งนี้ จากการประชุมร่วมกันครั้งแรก ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบที่จะเสนอในประเด็นต่างๆ ได้แก่ ด้านโลจิสติกส์ และการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง โดยต้องการให้มีการทำความตกลงทวิภาคีการเปิดเดินรถสำหรับรถส่วนบุคคลไม่จำกัดจำนวน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เร่งรัดการเปิดรถขนส่งและรถโดยสารตามความตกลง GMS CTBA สนับสนุนให้รถขนส่งไทยและพม่าสามารถเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ศูนย์เปลี่ยนถ่านสินค้าที่แม่สอดหรือเมียวดีไ
เร่งรัดการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 ให้แล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2558 เร่งรัดการก่อสร้างถนนเส้นทางเมียวดี-กอกะเร็ก ให้เสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2558 เสนอให้มีการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าข้ามแดนระหว่างกันโดนไม่ต้องเปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ และเสนอให้มีการสรัาง dry port ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ขณะเดียวกันยังเสนอในประเด็นการอำนวยความสะดวกด้านการข้ามแดน ได้แก่ สนับสนุนโครงการจัดตั้งเมื่อคู่แฝดระหว่างแม่สอด-เมียวดี ผลักดันรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับการใช้ Thai -Myanmar Business Pass สำหรับนักธุรกิจในการเดินทางไปมาระหว่างกัน ผลักดันให้ด่านพรมแดนระหว่างไทย-เมียนมาร์ สามารถออกเอกสาร Visa On Arrival ได้ และการเปิดรถโดยสารประจำทางเพื่อการท่องเที่ยว เช่น แม่สอด-เมียวดี พิษณุโลก-เมาะลำไย นครสวรรค์-ผาอัน เชียงใหม่-ย่างกุ้ง กรุงเทพฯ - มัณฑะเลย์ เชียงราย-เชียงตุง กาญจนบุรี-ทวาย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้แสดงข้อคิดเห็นร่วมกันต่อการทำงาน โดยจะพยายามลดคสามซับซ้อนในกระบวนการทำงานของรัฐ แจ้งกฎระเบียบต่างๆ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมาย เป็นต้น อีกทั้งจะหารือร่วมกันในประเด็นต่างๆ เพิ่มเติม ในการติดตามผลและการอำนวยความสะดวก
ทั้งนี้ คณะกรรมการร่วมชุดดังกล่าวจะมีนายกลินท์ สารสิน กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทย และนายลุย วิน กรรมการเลขาธิการร่วมหอการค้าและอุตสาหกรรมเมียนมาร์ เป็นประธานร่วมกัน โดยจะมีตัวแทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าและอุตสาหกรรมรัฐมอญ หอการค้าและอุตสาหกรรมผาอัน และหอการค้าเมียวดี ร่วมเป็นกรรมการ
"โมเดลความร่วมมือดังกล่าวจะนำไปพัฒนาเป็นความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในอนาคต เช่น ในอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่มีความพร้อมอย่างมากในการขับเคลื่อนร่วมกัน" นายสมเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 คาดว่ามูลค่าการคัาชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบัานน่าจะขยับตัวได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านล้านบาท เติบโต 50% จากปี 2557 ที่มีมูลค่า 1 ล้านลัานบาท
สำหรับในปี 2557 มูลค่าการค้าของไทยกับเมียนมาร์ ผ่านช่องทางการค้าชายแดนและผ่านแดน มีมูลค่า 2.14 แสนล้านบาท ขยายตัว 8.9% จากปีก่อนหน้า ที่มีมูลค่า 1.96 แสนล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าการค้าชายแดนสูงเป็นอันดับ 2 รองจากการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย สำหรับมูลค่าการค้าชายแดนรวมของไทยกับ 4 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย เมียนมาร์ ลาว และ กัมพูชา มีมูลค่า 9.87 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.9% ซึ่งในภาพรวมไทยได้ดุลการค้าชายแดน 4 ประเทศ เป็นมูลค่า 1. 9 แสนล้านบาท
ที่มา www.posttoday.com