กรมโรงงานฯเดินหน้าโครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตั้งเป้าเพิ่มอีก 8,000 เครื่อง เงินเป็นวงเงินจำนอง 375,000 ล้านบาท
กรมโรงงานฯเดินหน้าโครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตั้งเป้าเพิ่มอีก 8,000 เครื่อง เงินเป็นวงเงินจำนอง 375,000 ล้านบาท
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปีนี้ กรมฯได้ตั้งเป้าหมายการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ตามโครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนของผู้ประกอบการอีก 8,000 เครื่อง เพิ่มขึ้น 15 % คิดเป็นวงเงินจำนอง 375,000 ล้านบาทเทียบจากปี 57 ที่มียอดจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร 14,182 เครื่อง โดยกรมฯจะเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการโรงงานต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี ให้เข้าร่วมโครงการมากขึ้น เพื่อกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ไปจำนองกับสถาบันการเงินนำเงินทุนมาหมุนเวียนธุรกิจได้อีกช่องทางหนึ่ง โดยเฉพาะปีนี้ ผู้ประกอบการจะมีการลงทุนในการขยายธุรกิจมากขึ้นตามการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะขยายตัว 4 %
“ตอนนี้เครื่องจักรทั่วประเทศที่ใช้ในกิจการอุตสากรรมทั่วประเทศสามารถนำมาจดทะเบียนได้ถึง107 ประเภท เช่น เครื่องจักรทำความเย็น,เครื่องจักรหล่อหลอม,แปรรูปโลหะ,อุตฯขัด สีโม่ , อุตฯน้ำแข็ง , อุตฯการเกษตร,กิจการโรงแรม,สวนสนุก, สถานพยาบาล ซึ่งตามสถิติแล้วตั้งแต่ปี15 – 58 มีโรงงานจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร 56,106 ราย จำนวน 792,228 เครื่องจดทะเบียนจำนองเครื่องจักร 36,839 ราย จำนวน 869,711 เครื่อง มูลค่าวงเงินจำนองกว่า4.4 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์มากขึ้น ทั้งผ่านกองคาราวานของกรมฯ และการมาต่อทะเบียนเพราะมีเครื่องจักรมาจดทะเบียนแค่ 8 % ของเครื่องจักรที่มีอยู่ทั่วประเทศเท่านั้น”
ทั้งนี้ปี 57 มีเครื่องจักรมาจดทะเบียนและจดจำนอง วงเงินสูงจดจำนอง 338,127 ล้านบาท โดยอุตฯที่มีการจำนองมากที่สุดในเดือนม.ค. 58คือ ผลิตภัณฑ์จากพืช , อุตฯอาหาร , พลาสติกโดยผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถดูได้ที่ www2.diw.go.th/mac และขณะนี้สถาบันการเงินต่างๆ ขณะนี้มีประมาณ 10กว่าแห่ง สนใจจะเข้าร่วมโครงการแปลงเครื่องจักรเป็นทุนมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่า เครื่องจักรที่จดกรรมสิทธิ์กับกรมฯจะไม่สูญหาย มีการตรวจสอบทุกปี ถือเป็นข้อดีของผู้ประกอบการที่จะมีสถาบันการเงินหลายแห่งเลือกมากขึ้น
นอกจากปี 58 ได้คาดการณ์การผู้ประกอบการจดทะเบียนและขยายกิจการ มีมูลค่าการลงทุน720,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 % เทียบจากปี 57 โดยประเมินจากคำขอส่งเสริมการลงทุนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในปี 57 ที่มียอดขอบีโอไอ สูงถึง 2.2 ล้านล่านบาทสูงเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งเศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่า จะมียอดขอขยายกิจการโรงงานเพิ่มขึ้นเช่นกัน