คาดQ1ส่งออกติดลบ11% ชี้หากยุโรปเดี้ยงฉุดยอดร่วง

คาดQ1ส่งออกติดลบ11% ชี้หากยุโรปเดี้ยงฉุดยอดร่วง

    นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การประเมินแนวโน้มการส่งออกในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 นี้การส่งออกจะหดตัวรุนแรงจากปัจจัยน้ำท่วมในประเทศ ประกอบกับปัญหาเศรษฐกิจยุโรป โดยคาดว่าในไตรมาสที่1 การส่งออกจะขยายตัวติดลบระหว่าง 6.2 -11.2 % โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 50,504 - 53,348 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 ซึ่งถือว่าเป็นการส่งออกที่หดตัวต่ำสุดในรอบ 10 ไตรมาสนับจากไตรมาส 4 ของปี 2552 หลังช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หลังไตรมาสที่ 2 ของปี2555 คาดว่าการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากภาคการผลิตที่จะกลับมาผลิตได้ในระดับ 90 -100 %

    ทั้งนี้จากปัจจัยเสี่ยงของผลกระทบของเศรษฐกิจโลกเป็น ทำให้หอการค้าประเมินว่าการส่งออกของไทยในปี 2555 จะชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และคาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ 6.8 -13.7 % มีมูลค่า 243,842 -259,477 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับตัวเลขปี2554 ที่คาดว่าจะขยายตัว 16.9 % มูลค่าการส่งออกกว่า 251,700 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

    สำหรับปัจจัยอื่นๆในภาพรวมของการส่งออกของไทยในปี2555 ประกอบด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากตลาดส่งออกใหม่ โดยเฉพาะจีน,อินเดีย.,อเมริกาใต้และอาเซียนใหม่ เช่น กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม ที่ตลาดจะขยายตัวได้ 14.4 % ขณะที่ตลาดเก่าอย่างสหรัฐ ยุโรป จะ ขยายตัว 7.8 %

    อย่างไรก็ตาม หากปัญหาเศรษฐกิจยุโรปไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และลุกลามจนเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลกคาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียง 0.78- 1.38 % และกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดที่จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการส่งออกของไทย ทำให้การส่งออกไทยขยายตัวติดลบที่ 3.13 - 4.28 % จากการที่กำลังซื้อผู้บริโภคหดตัวลง ซึ่งส่งผลให้คู่ค้าชะลอคำสั่งซื้อและคู่ค้าอาจเลื่อนชำระจากปัญหาการเงินที่รุนแรงขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกไทยต้องวางแผนรับมือในการขยายตลาดให้กว้างขึ้นในเอเชีย

    ทั้งนี้กลุ่มสินค้าส่งออกที่คาดว่ามีแนวโน้มชะลอตัวลง คือสินค้าที่ส่งออกไปยังยุโรป และสหรัฐเป็นหลัก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า,อัญมณีและเครื่องประดับ ,เครื่องนุ่งห่ม ,เฟอร์นิเจอร์ และชิ้นส่วน ,รอง ส่วนสินค้าที่ยังมีโอกาสในการขยายตัว คือ รถยนต์ และอุปกรณ์ส่วนประกอบ, ยางพารา,เม็ดพลาสติก, เคมีภัณฑ์, ข้าว ,อาหารกระป๋องและแปรรูป ,มันสำปะหลัง

    "ปัจจัยเสี่ยงในปี 2555 ต่อการส่งออกไทยที่สำคัญ คือ เศรษฐกิจโลกจากปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโร ,ปัจจัยภาระต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น จากนโยบายการปรับขึ้นราคาพลังงานในภาคขนส่งและการขึ้นค่าแรงงานและ ปัจจัยความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ ซึ่งรัฐบาลควรให้เอกชนมีส่วนร่วมใกนารวางแผนรับมือกับปัญหาน้ำท่วม และสุดท้ายคือความเสี่ยงทางการเมือง"

    ด้านนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังจากการเข้าหารือกับสภาหอการค้าไทยเมื่อช่วงที่ผ่านมาว่า สำหรับทิศทางการส่งออกไทยที่ประชุมเห็นว่าอาจจะต้องคงรักษาฐานตลาดเก่าไว้ อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา พร้อมกับการแสวงหาตลาดใหม่โดยเฉพาะตลาดอาเซียน จีน รัสเซีย และอินเดีย เนื่องจากเห็นว่ามีกำลังซื้อสูง โดยคาดว่ากรมส่งเสริมการส่งออกอาจจะจัดให้มีคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้แทนจากเอกชน เดินทางเยือนประเทศคู่ค้าเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น และแสดงศักยภาพสินค้า บริการของไทย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นการส่งออกไทย

    อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงไตรมาส 1 ของปีการส่งออกไทยจะลำบาก แต่เชื่อว่าหลังจากไตรมาส 1 ไปการส่งออกจะดีขึ้น ทั้งนี้ทางกระทรวงพาณิชย์เองก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับภาคเอกชนเต็มที่โดยเฉพาะเรื่องการส่งออก และก็พร้อมรับข้อเสนอแนะของเอกชนที่จะสามารถช่วยพัฒนาให้การส่งออกของไทยเป็นไปในทิศทานที่ดี นอกจากนี้ ตนเตรียมเข้าหารือกับสภาอุตสาหกรรมเพื่อรับฟังข้อคิดเห็นเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาการส่งออกไทยให้ดีขึ้น 

ที่มา : แนวหน้า

NEWS & TRENDS