​บริษัทเกิดใหม่กุมภาพันธ์ 5,632 รายปิดตัว 1,113 ราย

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2558 โดยมีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,631 ราย ลดลง 349 ..



    นางอภิรดี  ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2558 โดยมีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,631 ราย ลดลง 349 ราย คิดเป็น 6% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2558 ซึ่งมีจำนวน 5,980 รายและเพิ่มขึ้น 777 ราย คิดเป็น 16%  เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2557  ซึ่งมีจำนวน  4,854  ราย สำหรับนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 มีจำนวน 1,113 ราย

    มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ในกุมภาพันธ์ 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 14,815 ล้านบาท ลดลงจำนวน 3,805 ล้านบาท  คิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2558 ซึ่งมีจำนวน 18,620 ล้านบาท และลดลงจำนวน 3,717  ล้านบาท  คิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งมีจำนวน 18,532 ล้านบาท

    ประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน  657 ราย  ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 299 ราย ธุรกิจทำบัญชีและตรวจสอบบัญชี จำนวน 164  ราย ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 125 ราย และขายส่งเครื่องจักร 116 ราย

    ปัจจุบัน ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 มีห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัดดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 602,976  ราย  มีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น  15.91  ล้านล้านบาท  แบ่งเป็น บริษัทจำกัด 421,433 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 1,080 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล  180,463  ราย  
  
    ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านคิดเป็น 6%  และพบว่าการจดทะเบียนจัดตั้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี  มีอัตราลดลงเฉลี่ย 7% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมของทุกปี 

    สำหรับแนวโน้มการจดทะเบียนจัดตั้งในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2558 มีแนวโน้มสูงขึ้นจากช่วงเดียวของปีก่อน โดยจำนวนการจัดตั้ง2 เดือนแรกของไตรมาส 1 ปี 2558 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 14%  และคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการของรัฐบาลในการเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไป 

    แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในด้านต่างๆ ได้แก่ ราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร    การบริโภคภาคเอกชน การลงทุน การท่องเที่ยว และการส่งออกที่มีสัญญาณดีขึ้นแต่ยังคงเปราะบางตามภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลต่อการจดทะเบียนจัดตั้งโดยรวม
    
    สำหรับเรื่องที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เปิดให้บริการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดข้ามเขตจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2557 นั้นโดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2558  มีการยื่นขอจดทะเบียนข้ามเขต จำนวน  808  ราย จากการจดทะเบียนทั่วประเทศ จำนวน  5,631 ราย หรือ คิดเป็น 14%   โดยแบ่งออกเป็น

    - ส่วนกลาง 585 ราย  คิดเป็น 10%  โดยสำนักงานในส่วนกลางที่รับจดทะเบียนข้ามเขตมากที่สุด คือ ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สนามบินน้ำ) จำนวน 143 ราย รองลงมา สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต  5  (บางนา) จำนวน  100 ราย  และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต 3 (รัชดาภิเษก) จำนวน 92 ราย

    - ส่วนภูมิภาค 223 ราย คิดเป็น 4% โดยสำนักงานในส่วนภูมิภาคที่รับจดทะเบียนข้ามเขตมากที่สุด คือ สพค.จังหวัดปทุมธานี จำนวน 30 ราย รองลงมา สพค.ชลบุรี จำนวน 22 ราย และสพค.จังหวัดสมุทรปราการ  จำนวน 18 ราย

    อย่างไรก็ตาม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังคงส่งเสริมให้มีการใช้ e-Commerce  เพื่อประกอบธุรกิจและขยายตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ  โดยกรมได้ออกเครื่องหมายรับรองการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Registered) เพื่อยืนยันการมีตัวตนของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าหรือบริการ 

    ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ยื่นขอจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว จำนวน 11,497 ราย 13,138 เว็บไซด์  ประกอบด้วยนิติบุคคล 3,112  ราย คิดเป็น 27%  บุคคลธรรมดา 8,385 ราย  คิดเป็น 73%  โดยธุรกิจที่ขอจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สูงสุด ได้แก่  ธุรกิจคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต จำนวน 2,409 เว็บไซด์ คิดเป็น 19%  ธุรกิจแฟชั่น/เครื่องแต่งกาย/เครื่องประดับ จำนวน 2,086 เว็บไซด์  คิดเป็น 16%  และธุรกิจการแพทย์และสุขภาพ  จำนวน 1,449 เว็บไซด์  คิดเป็น 11%  ตามลำดับ  ซึ่งการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้บริโภคมาใช้บริการ  

    นอกจากผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าออนไลน์แล้ว กรมยังได้หารือกับตลาดกลางออนไลน์ให้กำกับดูแลสมาชิกให้มีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมาย  เพราะหากปฏิบัติไม่ถูกต้องจะมีโทษปรับ และอาจต้องพิจารณางดให้บริการเข้าขายสินค้าในตลาดกลางด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการขยายตัวของการซื้อขายทางออนไลน์ของไทยให้เติบโตในอัตราก้าวกระโดดเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ

    


NEWS & TRENDS