กรมโรงงานอุตสาหกรรมเผย 4 ยุทธศาสตร์จัดการกากอุตสาหกรรม ใน 5 ปี พร้อมตั้งเป้า โรงงานที่มีใบอนุญาต ร.ง. 4 เข้าสู่ระบบการจัดการกากฯ ไม่น้อยกว่า 90 % ในปี 2563 ด้วยมาตรการควบคุมดูแลอันเข้มข้น
กรมโรงงานอุตสาหกรรมเผย 4 ยุทธศาสตร์จัดการกากอุตสาหกรรม ใน 5 ปี พร้อมตั้งเป้า โรงงานที่มีใบอนุญาต ร.ง. 4 เข้าสู่ระบบการจัดการกากฯ ไม่น้อยกว่า 90 % ในปี 2563 ด้วยมาตรการควบคุมดูแลอันเข้มข้น
ดร. พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า แนวโน้มด้านเศรษฐกิจโลกได้เริ่มใช้มาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมมาเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTB : Non tariff barrier) มาเป็นเครื่องมือให้ทุกชาติที่เป็นผู้ผลิตอยู่ในบรรทัดฐานที่มีการดูแลภาคอุตสาหกรรมที่ทัดเทียมกัน
ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องยกระดับอุตสาหกรรมไทยก้าวสู่ยุคสีเขียวอย่างแท้จริงซึ่งการจัดการกากอุตสาหกรรมถือเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยให้ได้มาตรฐานทั้งสินค้าและการบริหารจัดการในการผลิต
ทั้งนี้การผลิตในภาคอุตสาหกรรมย่อมเกิดของเสียหรือกากจากวัตถุดิบต่างๆที่ไม่สามารถทำให้เป็นสินค้าได้ทั้งหมด หรือที่เรียกว่ากากอุตสาหกรรมแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ กากอันตราย และ กากไม่อันตราย ซึ่งทั้งหมดจำเป็นต้องได้รับการจัดการที่ถูกต้อง
กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) จึงได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ 4 ด้าน ครอบคลุมใน 3 กลุ่มผู้เกี่ยวข้องได้แก่ กลุ่มโรงงานผู้ก่อกำเนิดกาก กลุ่มผู้ขนส่งและ กลุ่มโรงงานผู้รับบำบัด/กำจัด/รีไซเคิลกาก โดยมีรายละเอียดดังนี้
ยุทธศาสตร์ ที่ 1 ควบคุมและกำกับดูแลให้ทุกโรงงานปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ประกอบการหรือเจ้าของโรงงานผู้ก่อกำเนิดกากส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 90 ยังไม่ได้มีการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กรอ.เตรียมจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและติดตามการต่ออายุโรงงานที่ขาดการจัดการกากอุตสาหกรรมทั่วทั้ง 6 ภูมิภาค มีภารกิจหลักคือ ช่วยเหลือผู้ประกอบการในการเข้าสู่ระบบอนุญาตกำจัดกากอุตสาหกรรม และติดตามการต่ออายุของโรงงานที่ขาดการจัดการกากอุตสาหกรรม โดยมีการสั่งการและเปรียบเทียบปรับ จนถึงการไม่ต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ร.ง. 4 สำหรับผู้ประกอบกิจการที่ไม่จัดการกาก
ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนขออนุญาต สก. 1 สก. 2 ได้ ผ่านระบบอนุญาตแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-license) พร้อมพัฒนาระบบ Smart form เข้ามาช่วยผู้ประกอบการ และจัดสร้างระบบฐานข้อมูลและติดตามการขนส่งกาก (GPS) ทั้งนี้มีรถบรรทุกกากอันตรายที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมและจะต้องติดตั้ง GPS จำนวน 3,426 คัน
ยุทธศาสตร์ ที่ 2 สร้างความร่วมมือและแรงจูงใจ ส่งเสริมการจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างเป็นระบบ โดยศึกษาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการนำกากมาใช้ประโยชน์ในรูปพลังงาน 10 พื้นที่ทั่วประเทศ สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการให้องค์ความรู้และพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถเพื่อทำหน้าที่เป็น Third party ในการศึกษาหาพื้นที่แทนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีจำนวนจำกัดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 10 แห่งภายใน ปี 2558 และปรับปรุงตำรากากอุตสาหกรรม สำหรับผู้ควบคุมมลพิษกากอุตสาหกรรมและ Third party
ขณะเดียวกันได้สร้างแรงจูงใจโดยการเพิ่มสัดส่วนเงินรางวัลจากค่าปรับผู้ลักลอบทิ้งกากให้แก่ประชาชนผู้แจ้งเบาะแส ร้อยละ 25% ของค่าปรับส่วนที่เป็นเงินรางวัล ยกตัวอย่างหากค่าปรับ 200,000 บาท จะถูกแบ่งเป็นเงินรางวัล 60 % ที่เหลือส่งเข้ากระทรวงการคลัง 40% กรณีดังกล่าวเงินรางวัลเท่ากับ 120,000 บาท โดยผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับเงิน 25 % ของเงินรางวัลซึ่งเท่ากับ 30,000 บาท โดยจะมีการขอเพิ่มสัดส่วนนี้ขึ้นหลังจากที่เสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมีนาคม
ยุทธศาสตร์ ที่ 3 เครือข่ายภายในประเทศที่ให้การสนับสนุนกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเพิ่มความเข้มงวดกับผู้ขนส่งกากอุตสาหกรรมป้องกันไม่ให้เกิดการลักลอบทิ้ง โดยขอความร่วมมือเชิงบูรณาการกับหน่วยงานที่มีอำนาจดูแลยานพาหนะ(รถบรรทุก) และถนน ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วยตรวจ/ควบคุมรถขนส่งกากอันตรายที่วิ่งตามท้องถนน โดยเฉพาะรถที่ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานและไม่มีติดตั้ง GPS อย่างถูกต้อง
ส่วนเครือข่ายต่างประเทศที่ให้การสนับสนุนกระทรวงอุตสาหกรรม คือกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (METI) โดยองค์กร NEDO (New Energy and Industrial Technology Development Organization) ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาเตาเผาขยะร่วมที่ทันสมัย ขนาด 500 ตันต่อวัน ระยะเวลา 5 ปี มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมทั้งส่งผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือกรมโรงงานอุตสาหกรรมศึกษาพื้นที่รองรับกาก โดยที่ผ่านมากรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ก่อตั้งเตาเผากากอันตรายด้วยความร้อนสูงแห่งเดียวในประเทศไทย ใช้งบประมาณการลงทุนถึง 1,408 ล้านบาท ที่ให้บริการเผาทำลายขยะ สิ่งปฏิกูลและวัสดุที่ไม่ใช้แล้วทุกชนิด โดยได้มอบสัมปทานสิทธิบริหาร ให้ บริษัท อัคคีปราการบริหารในรูปแบบเอกชนเมื่อปี 2551
ยุทธศาสตร์ ที่ 4 ปรับปรุงกฎหมายเพื่อติดตามผู้กระทำผิดและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยการเข้มงวดกับโรงงานที่ไม่เข้าระบบอย่างถูกต้อง โดยแก้ข้อกฎหมายที่เคยเป็นอุปสรรคทั้งหมด เช่น เพิ่มบทลงโทษจำคุกกับผู้ลักลอบขนส่งกากที่มีโทษเพียงปรับ 200,000 บาท โดยขยายอายุความเป็น 10 ปี ซึ่งในปัจจุบันมีอายุความเพียง 1 ปี ทำให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ไม่สามารถติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ทันการณ์
นอกจากนี้ยังออกประกาศ อก. ไม่ต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ร.ง. 4 อีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ประกอบการที่กำลังจะเข้ามาในงานอุตสาหกรรมรวมถึงผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้อยู่แล้ว ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ที่จะต้องดูแลจัดการปัญหากากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยไปอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้ชุมชนและโรงงานอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีความขัดแย้ง
ดร. พสุ กล่าวต่อว่า กรอ. ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 200 ล้านบาทรองรับแผนการดำเนินงาน 4 ยุทธศาสตร์ในระยะ 2 ปีแรก ส่วนงบประมาณรวมสำหรับการจัดการกากอุตสาหกรรม 5 ปี คือ 430 ล้านบาท คาดว่าถ้าการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมประสบความสำเร็จ จะก่อให้เกิดธุรกิจกำจัดกากในประเทศมูลค่ากว่า 5,000-10,000 ล้านบาทต่อปี
ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนเข้าระบบจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-License) ได้ที่เวบไซท์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม http://www2.diw.go.th/e-license/login.asp หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมโรงงานอุตสาหกรรม 1564