​“ฉัตรชัย”สั่งทูตพาณิชย์ 6 เดือนผลงานไม่เข้าเป้าดึงกลับไทย

“ฉัตรชัย”สั่งการทูตพาณิชย์ทำตัวเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ ตะลุยขายสินค้าไทย โพกัสตลาด 4 กลุ่มตามยุทธศาสตร์ และต้องรายงานผลทุก 3 เดือน เผยหากครบ 6 เดือนแล้ว ประเมินผลไม่ผ่าน เอาตัวกลับ ส่งคนใหม่ไปแทน ยันคงเป้าส่งออก 4% ไว้ก่อน ประเมินอีกทีสิ้นมี.ค. ทูตพาณิชย์สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป มั่นใ..



     “ฉัตรชัย”สั่งการทูตพาณิชย์ทำตัวเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ ตะลุยขายสินค้าไทย โพกัสตลาด 4 กลุ่มตามยุทธศาสตร์ และต้องรายงานผลทุก 3 เดือน เผยหากครบ 6 เดือนแล้ว ประเมินผลไม่ผ่าน เอาตัวกลับ ส่งคนใหม่ไปแทน ยันคงเป้าส่งออก 4% ไว้ก่อน ประเมินอีกทีสิ้นมี.ค. ทูตพาณิชย์สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป มั่นใจส่งออกเพิ่มขึ้น
           
    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ปรับวิธีการทำงานเป็นเชิงรุกมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกไทยในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยให้ทำหน้าที่เหมือนกับนักธุรกิจหรือพ่อค้าในการส่งเสริมให้ผู้นำเข้าในประเทศนั้นๆ เข้ามาซื้อสินค้าไทย หรืออำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจไทยเข้าไปทำการค้าขายในตลาดที่ตัวเองประจำอยู่
       
    ทั้งนี้ การทำงานให้เน้นตามยุทธศาสตร์ด้านการตลาดที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ จำนวน 4 กลุ่มตลาด ได้แก่ ตลาดที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจสูง เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ตลาดที่มีพัฒนาการเศรษฐกิจปานกลาง เช่น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย ตลาดใหม่ เช่น แอฟริกา และตลาดอาเซียน ซึ่งทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศเหล่านี้ จะต้องรู้ทิศทาง รู้โอกาสสำหรับสินค้าไทย
       
           “ทูตพาณิชย์ต้องรายงานสถานการณ์ตลาดและแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ประจำอยู่ให้กระทรวงฯ ทราบทุก 3 เดือน ถ้าครบ 6 เดือนจะมีการประเมินขีดความสามารถของทูตพาณิชย์ หากไม่ผ่านเกณฑ์ ก็ปรับเอากลับเข้ามา เพื่อให้คนที่มีศักยภาพไปทำงานแทน”พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
       
           พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ขณะนี้ ยังคงไว้ที่ 4% แต่จะมีการพิจารณาสถานการณ์และแนวโน้มการส่งออกอีกครั้ง หลังจากพ้นไตรมาส 1 หรือสิ้นเดือนมี.ค. ส่วนจะปรับเป้าหรือไม่ ต้องไปดูกันอีกที แต่จะมีการวิเคราะห์ให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด แต่ส่วนตัวเห็นว่าไม่อยากให้มีการปรับเป้า เพราะถ้าลดเป้าก็จะทำให้ความตื่นตัวในการทำงานลดลง
       
           อย่างไรก็ตาม ในการมอบนโยบายครั้งนี้ ทราบว่า ทูตพาณิชย์หลายๆ ประเทศได้เร่งทำงานสนับสนุนการส่งออก เช่น เกาหลีใต้ จะนำคณะผู้แทนการค้าเข้ามาซื้อผลไม้ วันที่ 15-19 มี.ค. ตุรกี จะมาซื้อยางพารา วันที่ 17-21 มี.ค. ฮ่องกง จะมาซื้อเงาะ ทุเรียน วันที่ 1-4 เม.ย. อินเดีย จะมาซื้อยางพารา และเจรจา FTA วันที่ 22-23 เม.ย. และอาเซียน จะนำคณะผู้แทนการค้าจากมาเลเซียมาซื้อผลไม้ วันที่ 2 เม.ย. เป็นต้น
       
           นายไผท สุขสมหมาย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า การส่งออกไปญี่ปุ่นปีนี้จะเติบโต 2% เนื่องจากยังมั่นใจว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นที่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะช่วยให้กำลังซื้อของญี่ปุ่นกลับคืนมา โดยสินค้าที่คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้น เช่น วัสดุก่อสร้าง แฟชั่น สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ และสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มต่างๆ
       
       นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงนิวยอร์ก สหรัฐฯ กล่าวว่า ปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวดีขึ้น คาดว่าการส่งออกจะโตถึง 3% โดยสินค้าที่มีศักยภาพ เช่น สินค้าเกี่ยวกับโรงแรม อัญมณี แต่ก็ต้องระวังเรื่องการแข่งขัน เพราะคู่แข่งก็จะเข้ามาแข่งขันมากขึ้นจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว
       
       นายปกายศักดิ์ สวัสดิสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส กล่าวว่า การส่งออกไปตลาดสหภาพยุโรป คาดว่าจะเติบโต 2-3% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น แต่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับมีสินค้าไทยที่ถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ทำให้ได้รับผลกระทบ
       
       นางชไมพร เจือเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครคุนหมิง กล่าวว่า การส่งออกภาพรวมไปตลาดจีนทั้งปี 2558 คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น 1% ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ช่วงปลายปี 2557 ที่ 2% เพราะเศรษฐกิจจีนยังชะลอตัว และจีนได้เน้นการบริโภคภายในประเทศและลดการนำเข้า แต่ก็ยังมีสินค้าหลายรายการที่คาดว่าจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น ข้าว ยางพารา ขณะที่สำนักงานฯ จะเร่งทำตลาดสินค้าโปรดักส์ แชมเปี้ยน เช่น อาหารเพื่อสุขภาพและสปาเข้าสู่ตลาดจีนเพิ่มขึ้น
       
       นายจิราวุฒิ สุวรรณอาจ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงอาบูจา ประเทศไนจีเรีย กล่าวว่า การส่งออกไปภูมิภาคแอฟริกาน่าจะเติบโตได้ 2% จากปีก่อนที่โต 4% เพราะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง ทำให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย ซึ่งสินค้าที่ได้รับผลกระทบ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ ไลฟ์สไตล์ ยกเว้นข้าวที่คาดว่าจะยังส่งออกได้ดีขึ้น.

ที่มา ASTV ผู้จัดการออนไลน์
       

NEWS & TRENDS