หอการค้าหวังเงินรัฐ1.5 ล้านล้นปลุกกำลังซื้อ

หอการค้าหวังเงินรัฐ1.5 ล้านล้นปลุกกำลังซื้อ

      นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม 2554 จำนวน 2,242 คน ทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน นับจากเดือน ก.ค. 2554 โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลงและกำลังกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมกับ มาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมที่คาดว่า จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปี 2555 รวมถึงเทศกาลปีใหม่ส่งผลให้มีการใช้จ่ายตามเทศกาลมากกว่าสถานการณ์ปกติ ซึ่งส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนธันวาคม อยู่ที่ระดับ 73. เพิ่มขึ้น จากเดือนพฤศจิกายน ที่อยู่ที่ระดับ 71.0

      ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 63.1 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมอยู่ที่ระดับ 64.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 92.1 ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่มีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคตภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมอย่างมาก

      ส่วนแนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไตรมาสแรกของปี 2555 ยังโอกาสผันผวนและเป็นขาลงได้ เนื่องจาก เป็นผลจากประชาชนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วม ค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมทั้ง ความผันผวนของเศรษฐกิจโลกดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมให้เห็นเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับคืนมา

      ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ขณะนี้ คือ เรื่องปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง เนื่องจากมีความเป็นห่วงเรื่องที่อิตาลีและกรีซ อาจจะผิดนัดการชำระหนี้รวมทั้งโปรตุเกส อีกทั้งยังมีสัญญานการจับจ่ายใช้สอยที่ยังคงซึมตัวในไตรมาสแรก ดังนั้นเห็นว่ารัฐบาลที่มีการวางกรอบการใช้งบประตุ้นเศรษฐกิจและเยี่ยวยาผู้ประสบภัย ทั้งจากผ่าน พ.ร.ก. 4 ฉบับ จำนวน 350,000 ล้านบาท,การขาดดุลงบประมาณ 4 แสนล้านบาท และการเร่งจ่ายสินไหมทดแทนของภาคประกันภัยอีก จำนวน 2 แสนล้านบาท และการเตรียมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอีก 6 แสนล้านบาท เชื่อว่าจะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจอีก 1 -1.5 ล้านล้านบาท เข้ามาหมุนเวียน ซึ่งคาดว่าจะทำให้ การบริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 และจะทำให้มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโตได้ 5 -7 % แต่จะต้องขึ้นอยู่กับการขับเคลื่อนของภาครัฐ ที่ต้องใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในแผนปฎิบัติการป้องกันน้ำท่วมในปีนี้

      อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่น่ากังวลคือปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป เพราะหากยังมีปัญ หามากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยทันที รวมถึงภาวะราคาน้ำมันด้วยที่ต้องจับตาในปี2555 หากมีความรุนแรงก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ 

ที่มา : แนวหน้า

NEWS & TRENDS