เอสเอ็มอีแบงก์เผยกำไรเดือนกุมภาพันธ์ 146 ล้านบาท "สาลินี" ประธานกรรมการแบงก์เผยเกิดเป้าหมายที่ตั้งไว้เดือนละ 100 ล้าน พร้อมคงเป้าหมายกำไรปี 58 ที่ 1,200 ล้านบาท
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ว่าทางแบงก์ มีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม ที่มีกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ที่จะมีกำไรสุทธิเดือนละ 100 ล้านบาท ทำให้ 2 เดือนแรกปีนี้ธนาคารมีกำไร 244 ล้านบาท และยังคงเป้าหมายกำไรปีนี้ 1,200 ล้านบาท
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เดือนกุมภาพันธ์ลดลงจากเดือนมกราคม 773 ล้านบาท โดยสิ้นเดือนกุมภาพันธ์เอ็นพีแอลเท่ากับ 30,899 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36.24 ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2557 อยู่ที่ 35,167 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารสามารถปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้ที่ดำเนินกิจการอยู่ได้ผล ช่วยประคองกิจการให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ส่งผลให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้กับธนาคารได้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ธนาคารได้ขายหนี้กองตะวันออกไปเรียบร้อยแล้วและกำลังยื่นซองประกวดราคาขายหนี้กองกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มียอดหนี้คงค้าง 1,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อใหม่เดือนกุมภาพันธ์ 2558 ประมาณ 3,172 ล้านบาท รวม 2 เดือน อนุมัติสินเชื่อรวม 4,878 ล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นสินเชื่อวงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนผู้ประกอบการ 2,446 ราย ยอดเบิกจ่ายประมาณ 4,471 ล้านบาท โดยยอดสินเชื่อคงค้างเท่ากับ 85,260 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำหรือเอ็มแอลอาร์ลงร้อยละ 0.25 จากเดิมร้อยละ 7.25 ต่อปี เหลือร้อยละ 7 ต่อปี ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระต้นทุนของผู้ประกอบการ แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคารบ้างในอนาคต เนื่องจากการลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการลดเงินกู้เพียงด้านเดียว
นอกจากนี้ SME Bank ขอแจงมาตรการช่วย SMEs ตามมติ ครม. ในวันที่ 17 มีนาคม ที่ธนาคารมีส่วนร่วม ดังนี้
1. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 15,000 ล้านบาท โดยคิดดอกเบี้ยจาก SMEs ในอัตรา 4% ต่อปี และอยู่ระหว่างขอให้กระทรวงการคลังชดเชยให้เอสเอ็มอีแบงก์ 3% ซึ่งจะช่วยลดภาระให้แก่ SMEs ในช่วงเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และไม่ตัดโอกาส SMEs ที่มีประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร ที่มีความสุจริตใจให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจใหม่ได้อีกครั้ง
โดยเป้าหมายของการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ, SMEs ในระยะเริ่มแรกที่มีนวัตกรรม, SMEs ขนาดเล็กที่มีศักยภาพจะเติบโตเป็นขนาดกลางได้ และ SMEs ที่ประสงค์จะค้าขายหรือลงทุนในกลุ่มประเทศ AEC
นอกจากนั้น ยังมีอีก 2 เรื่องที่สำคัญ ซึ่ง สสว. เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง และ เอสเอ็มอีแบงก์ คงมีส่วนเข้าร่วมมือด้วย โดย สสว. จะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ สสว. ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้แก่
โครงการ Machine Fund ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงการนี้ สสว.เป็นผู้รับผิดชอบ และเปิดให้ธนาคารทุกแห่งเข้ามีส่วนร่วม ซึ่งทางเอสเอ็มอีแบงก์ ก็จะเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย
โครงการจัดตั้ง Website ในลักษณะ E-commerce ร่วมกับ สมาพันธ์ SMEs ไทย และ สสว. เพื่อให้ SMEsรายย่อยขายสินค้าแบบ Business to Business ผ่านช่องทาง Online ในลักษณะเดียวกับ Website ของ Alibaba.com โดยมีระบบการชำระเงินที่เชื่อถือได้
ทั้งนี้ เนื่องจาก SMEs รายย่อยมีข้อจำกัดในเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ในร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้า ควรช่วยให้มีการขายแบบ Online ได้ เพราะเป็นวิธีที่สะดวก และมีต้นทุนค่าการตลาดต่ำที่สุด โดยในขั้นแรกจะให้ครอบคลุมตลาดในประเทศก่อน และจะต่อยอดไปในตลาด AEC รวมถึง การใช้ Website ในการหาผู้ร่วมลงทุน หรือ ผู้ซื้อสินค้าในจำนวนไม่มากนักในตลาดเพื่อนบ้าน