พาณิชย์จับมือเอกชนเปิดห้างโลว์คอสต์

พาณิชย์จับมือ “ดีดี ธัญการย์” บริษัทลูกตงฮั้ว เปิดตัวห้างโลว์คอสต์ต้นเดือน พ.ค.นี้ ขายสินค้า ถูก ดี ไม่มีแบรนด์ ช่วยลดค่าครองชีพคนไทย เผยรัฐแค่ช่วยสร้างคอนเน็กชั่น หาซัพพลายเออร์ผลิตสินค้าและช่วยประชาสัมพันธ์ให้ ตั้งเป้า 5 ปี 142 สาขาทั่วไทย



    พาณิชย์จับมือ “ดีดี ธัญการย์” บริษัทลูกตงฮั้ว เปิดตัวห้างโลว์คอสต์ต้นเดือน พ.ค.นี้ ขายสินค้า ถูก ดี ไม่มีแบรนด์ ช่วยลดค่าครองชีพคนไทย เผยรัฐแค่ช่วยสร้างคอนเน็กชั่น หาซัพพลายเออร์ผลิตสินค้าและช่วยประชาสัมพันธ์ให้ ตั้งเป้า 5 ปี 142 สาขาทั่วไทย

    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ประมาณต้นเดือน พ.ค.2558 จะสามารถเปิดตัวโครงการ “โลว์คอสต์ สโตร์” เพื่อจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชน

    โดยโลว์คอสต์ สโตร์ จะเป็นร้านค้าที่มีสินค้าหลายรายการจำหน่ายในราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพราะการจัดร้านและรูปแบบสินค้าจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็น ซึ่งเป็นต้นทุนของสินค้านั้นๆ ออกไป ทำให้ขายถูกได้ เช่น การจัดร้านจะไม่เน้นความสวยงาม การบรรจุหีบห่ออาจไม่จำเป็นต้องบรรจุลงกล่องสวยงาม แต่จะอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีราคาถูกกว่า และมีข้อความเท่าที่จำเป็น เช่น แหล่งผลิต วันเดือนปีหมดอายุ วิธีการใช้ คุณสมบัติสินค้า เป็นต้น รวมทั้งสินค้านั้นๆ จะไม่ติดยี่ห้อ ซึ่งเป็นที่มาของต้นทุนจากค่าการตลาด

    “ขณะนี้เอกชนที่รับดำเนินการ คือ บริษัท ดีดีธัญการย์ จำกัด เบื้องต้นจะเปิดในพื้นที่กรุงเทพฯ ประมาณ 10-16 สาขาก่อน จากนั้นจะพิจารณากระจายตัวไปตามต่างจังหวัดในพื้นที่ที่จำเป็น โดยยืนยันว่าจะไม่ทำให้กระทบร้านค้าปลีกตามปกติที่มีอยู่ในท้องตลาด แต่ให้เป็นเพียงทางเลือกของประชาชนภายใต้แนวคิด “ฉลาดซื้อฉลาดใช้” เท่านั้น” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

    สำหรับบริษัท ดีดี ธัญการย์ จำกัด เป็นบริษัทลูกของ บมจ.ตงฮั้ว คอมมูนิเคชั่นส์ มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจค้าปลีกลักษณะดิสเคาต์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่เชื่อถือได้ในด้านคุณภาพและราคา สินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เปรียบเทียบได้กับโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ตั้งเป้าเปิดสาขาแรกภายในไตรมาส 2 ปี 2558 และขยายให้ได้ 14 สาขาในปี 2558 และตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะมีสาขา 142 สาขากระจายทั่วประเทศ

    ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงจะทำหน้าที่เพียงเป็นผู้ประสานงานระหว่างเอกชนกับซัพพลายเออร์ ซึ่งขณะนี้มีเอกชนสนใจร่วมด้วยแล้วหลายราย โดยเอกชนต้องเป็นผู้เจรจาระหว่างกัน ให้สามารถนำสินค้ามาบรรจุในรูปแบบที่เหมาะสมและวางจำหน่ายในราคาถูก ซึ่งผู้ผลิตจะได้ประโยชน์จากการระบายสินค้าที่มีอยู่ ส่วนประชาชนจะได้ใช้สินค้าที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มไปกับต้นทุนแฝงที่มาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ หรือค่าการตลาด

ที่มา ไทยโพสต์
 

NEWS & TRENDS