คปก.เดินหน้ายกระดับกม.แรงงานไทยสู่สากล

คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) โดย นาย คณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ลงนามในบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่อง “แนวทางการจัดทำประมวลกฎหมายแรงงานและร่างพระราชบัญญัติการบริหารแรงงาน พ.ศ....” เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ เมื่อวันท..




    คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) โดย นาย คณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ลงนามในบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่อง “แนวทางการจัดทำประมวลกฎหมายแรงงานและร่างพระราชบัญญัติการบริหารแรงงาน พ.ศ....” เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา 
       
     โดยคปก.มีความเห็นว่า กฎหมายแรงงานที่ใช้บังคับอยู่ในประเทศไทยมีหลายฉบับ แต่ละฉบับมีปัญหาในเรื่องการบังคับใช้และมีความไม่เชื่อมโยงกับกฎหมายแรงงานอื่นๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานสากลตามอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ประกอบกับกฎหมายแรงงานฉบับต่างๆ ใช้บังคับมาเป็นเวลานานแล้ว คปก.จึงเสนอแนะให้มีการปฏิรูปชำระกฎหมายแรงงานโดยการจัดทำประมวลกฎหมายแรงงาน และแยกการบริหารแรงงานภาครัฐออกเป็นกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง เพื่อให้สามารถส่งเสริมและคุ้มครองคุณภาพชีวิตของคนทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

       บทบัญญัติที่สำคัญประการหนึ่งที่คปก.เสนอให้มีการแก้ไขคือการเปลี่ยนนิยามจาก “นายจ้าง” และ “ลูกจ้าง” เป็น “ผู้จ้างงาน” และ “คนทำงาน” เพื่อให้ความคุ้มครองครอบคลุมผู้ทำงานทั้งหมด และเพื่อให้เกิดทัศนคติการเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างคนทำงานอย่างแท้จริง 

     สำหรับในส่วนที่เป็นบทบัญญัติด้านแรงงานสัมพันธ์ คปก.เสนอแนะให้มีการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการรวมตัวและการเจรจาต่อรองร่วมเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการตามอนุสัญญาไอแอลโอ ซึ่งจะช่วยให้คนทำงานมีหลักประกัน ความปลอดภัยในการทำงาน ตลอดจนการได้รับค่าจ้างและการมีคุณภาพชีวิตที่ดี 

    ด้านร่างพระราชบัญญัติการบริหารแรงงาน เป็นการรวบรวมเนื้อหากฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงานภาครัฐมารวมไว้เป็นพระราชบัญญัติเพื่อให้การบริหารแรงงานของภาครัฐทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ คล่องตัว โดยร่างกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีคณะกรรมการร่วมบริหารภาครัฐด้านแรงงาน หรือ ร.บ.ร. เป็นผู้ดำเนินการตามวิธีการที่ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดไว้ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระของศาลแรงงานและลดปริมาณคดีที่จะขึ้นสู่ศาลแรงงานได้เป็นอย่างมาก

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

NEWS & TRENDS