รายงานข่าวจากกรมสรรพากรเปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกหนังสือถึงกรณีที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศเนปาลทำให้ประชาชนชาวเนปาลได้รับความเดือดร้อนสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก
รายงานข่าวจากกรมสรรพากรเปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกหนังสือถึงกรณีที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศเนปาลทำให้ประชาชนชาวเนปาลได้รับความเดือดร้อนสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมากซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของไทย มีความประสงค์ที่จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวและได้เปิดรับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อรวบรวมส่งไปช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนชาวเนปาล
ทั้งนี้ การบริจาคช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวผู้บริจาคสามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาค ไปหักเป็นค่าลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้ ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้เฉพาะการบริจาคเป็นเงินด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของหน่วยงานราชการที่เปิดรับบริจาคเป็นการเฉพาะเช่น บัญชี “หัวใจไทยส่งไปเนปาล”ธนาคารกรุงไทยสาขาทำเนียบรัฐบาล ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมายเลขบัญชี 067-0-10330-6เป็นต้น หรือผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เช่นสถานีโทรทัศน์ หรือมูลนิธิของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นต้น
อย่างไรก็ตามผู้บริจาคสามารถนำเงินบริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ตามจริง ที่รวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ด้วย แต่ไม่เกิน 10%ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้วโดยใช้หนังสือสำคัญการรับเงินบริจาคที่ส่วนราชการ หรือนิติบุคคลที่เป็นตัวแทน รับบริจาคออกให้หรือใบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือสลิปของธนาคารเพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปหักลดหย่อนต่อไป
ขณะที่ ผู้บริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 2%ของกำไรสุทธิในปีที่บริจาค นอกจากนี้ กรณีการบริจาคทรัพย์สินหรือสินค้าดังกล่าวถือเป็นเหตุอันสมควรที่ไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต)
“บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่รับบริจาคเงินหรือทรัพย์สินต้องนำเงินและทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาทั้งจำนวนนั้น ไปบริจาคให้แก่หน่วยงานของส่วนราชการไทยเท่านั้นเช่น สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและหน่วยงานราชการนั้นจะต้องออกหนังสือสำคัญหรือหลักฐานที่แสดงว่าได้รับการบริจาคโดยมียอดเงินหรือทรัพย์สินที่เป็นยอดรวมทั้งสิ้นตรงกับยอดที่รับบริจาคมาทั้งจำนวนกรณีนี้ ผู้บริจาคจะได้รับสิทธินำยอดเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายได้แต่หากตัวแทนรับบริจาคนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรงผู้บริจาคจะไม่ได้รับสิทธิในการหักลดหย่อนแต่อย่างใด”