นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมสรรพากรเข้มงวดการเก็บภาษีนิติบุคคลรอบครึ่งปี ซึ่งจะเริ่มมีการจ่ายกันเดือนสิงหาคม 2558 นี้เป็นต้นไป เพื่อให้การเก็บภาษีของกรมเพิ่มขึ้นหลังจากที่ในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมากรมสรรพากรเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหลายหมื่นล้า..
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งให้กรมสรรพากรเข้มงวดการเก็บภาษีนิติบุคคลรอบครึ่งปี ซึ่งจะเริ่มมีการจ่ายกันเดือนสิงหาคม 2558 นี้เป็นต้นไป เพื่อให้การเก็บภาษีของกรมเพิ่มขึ้นหลังจากที่ในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมากรมสรรพากรเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหลายหมื่นล้านบาท
สำหรับมาตรการเก็บภาษีนิติบุคคล ขณะนี้ได้รับทราบว่ากรมสรรพากรได้เรียกผู้ประกอบการมาทำความเข้าใจว่า ไม่ให้มีการประเมินกำไรครึ่งปีต่ำกว่าเป็นจริงเพื่อทำให้เสียภาษีน้อย โดยกรมสรรพากรได้มีการเปรียบเทียบรายได้ของผู้ประกอบการที่อยู่อุตสาหกรรมเดียวกันว่าควรมีทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการเสียภาษีรอบครึ่งปีต่ำกว่าเป็นจริง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ มีผู้ประกอบการรายหนึ่งเสียภาษีรอบครึ่งปีมาก แต่อีกบริษัทหนึ่งเสียภาษีลดลง ก็เป็นเรื่องที่จะต้องถูกตรวจสอบทบทวนการเสียภาษีใหม่
"ที่ผ่านมากรมสรรพากรทำการตรวจสอบการเสียภาษีก่อนเสียจริงเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังให้ความสำคัญเรื่องนี้และได้สั่งการให้อธิบดีกรมสรรพากรรับทราบแล้ว เพราะกระทรวงการคลังไม่ปล่อยเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีของกรมต่างๆ อยู่แล้ว" นายรังสรรค์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของแต่ละพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ภาษีที่อยู่ติดหรือใกล้เคียงกัน ก็ควรมีการเก็บภาษีไปในทิศทางเดียวกันไม่ควรแตกต่างกันมาก การที่เขตพื้นที่หนึ่งเก็บภาษีได้มาก แต่พื้นที่ติดกันเก็บภาษีได้น้อยทางกรมสรรพากรก็ต้องเข้าไปตรวจว่ามีความผิดปกติมาจากสาเหตุอะไร
นายรังสรรค์ กล่าวว่า นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ให้ความสำคัญกับการปราบปรามทุจริตและการอุดช่องรั่วของภาษีอย่างมาก สัปดาห์ที่ผ่านมา อนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงการคลัง มีมติไล่ข้าราชการกรมสรรพากรระดับ 9 ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำความผิดร้ายแรงเรื่องการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มส่งออกเป็นเท็จ ทำให้รัฐเสียหาย 3,209 ล้านบาท ขณะที่การสอบผู้บริหารกรมสรรพากรระดับสูงอีก 3 คน จะสรุปได้ในเดือนหน้า
ปลัดกระทรวงการคลัง ยังกล่าวว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้ยกเลิกการผ่อนผันแจ้งยอดภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากรายได้ของดอกเบี้ยผู้ฝากเงิน กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐทุกแห่ง จากเดิมที่ให้ธนาคารยื่นแต่ยอดรวมให้กับกรมสรรพากรรับทราบเท่านั้น โดยธนาคารจะต้องส่งข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายของดอกเบี้ยรับแยกเป็นรายให้ครบทุกราย ซึ่งจะทำให้กรมสรรพากรตรวจสอบได้ว่าผู้ฝากเงินมาการเสียภาษีหรือการขอคืนภาษีถูกต้องหรือไม่
นอกจากนี้ ยังใช้เป็นฐานข้อมูลในการติดตามให้มีการเสียภาษีให้ครบ ในกรณีที่มีผู้เสียภาษีไม่ครบแต่มีบัญชีเงินฝากอยู่ทางกรมสรรพากรจะได้เข้าไปอายัดบัญชีให้มาเสียภาษีให้ครบตามที่ต้องเสียจริง
ที่มา : http://www.naewna.com/business/158492