เล็งปรับตัวเลขจีดีพี-ส่งออกใหม่ คลังเตรียมปรับตัวเลขจีดีพี-ส่งออกใหม่ เดือน ก.ค.นี้ หลังสารพัดปัญหารุมเร้า ทั้งปัญหาภัยแล้ง การส่งออก การลงทุนของภาคเอกชน มองผิดนัดชำระหนี้ของประเทศกรีซ ไม่กระทบ วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2558 เวลา 14:20 น. นายกฤษฎาจีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเ..
เล็งปรับตัวเลขจีดีพี-ส่งออกใหม่ คลังเตรียมปรับตัวเลขจีดีพี-ส่งออกใหม่ เดือน ก.ค.นี้ หลังสารพัดปัญหารุมเร้า ทั้งปัญหาภัยแล้ง การส่งออก การลงทุนของภาคเอกชน มองผิดนัดชำระหนี้ของประเทศกรีซ ไม่กระทบ วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2558 เวลา 14:20 น. นายกฤษฎาจีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เดือน ก.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ(จีดีพี) และตัวเลขส่งออกของปี 58 ลงจากเดิมที่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ 3.7% และส่งออกขยายตัวที่ 0.2%
เนื่องจากยังมีปัจจัยกดดันทั้งจากปัญหาภัยแล้ง ที่ก่อนหน้านี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ปรับลดประมาณการณ์ภาคเกษตรไทยในปีนี้ลดลงเหลือ1.4% จากเดิมที่ 2.5-3% ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมจีดีพีปีนี้ 0.15% ขณะเดียวกันยังมีปัญหาจากภาคการส่งออกที่ยังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวขณะที่ความเชื่อมั่นและการลงทุนของภาคเอกชนก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดโดยจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 58ขยายตัวได้ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้
“ขณะนี้สศค.กำลังทบทวนตัวเลขคาดการณ์จีดีพีและตัวเลขส่งออกปีนี้ใหม่โดยเฉพาะส่งออกที่ยังได้รับปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าอย่างต่อเนื่องโดยเบื้องต้นคาดว่าจะขยายตัวได้ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.2%โดยจากสถิติตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาพบว่าตัวเลขส่งออกของไทยขยายตัวติดลบแล้วกว่า 4.2%”
ขณะที่ ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศกรีซนั้นเบื้องต้นยังไม่ส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทย เนื่องจากที่ผ่านมาการค้าขายระหว่างกันไม่มากนักแต่ต้องจับตาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศในกลุ่มยุโรปที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทยโดยเศรษฐกิจของกรีซคิดเป็น 2% ของตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปหากส่วนนี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวเชื่อว่าภาคการส่งออกของไทยจะมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นส่วนในแง่ตลาดเงินและตลาดทุนไทยยังไม่น่าเป็นห่วงมากเช่นกันโดยเฉพาะเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้าย เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ยังคงติดตามดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/economic/331433