แบงก์หวั่นธุรกิจครอบครัวเจ๊ง แบงก์หวั่นธุรกิจกงสีส่อแววไปไม่รอด หลังปัญหาบริหารติดขัด แนะตั้งกฏเกณฑ์ดูแลภายใน ด้านบลจ.อุ้มบริษัทเล็กเข้าระดมทุนตลาดหุ้นไทย
แบงก์หวั่นธุรกิจครอบครัวเจ๊ง แบงก์หวั่นธุรกิจกงสีส่อแววไปไม่รอด หลังปัญหาบริหารติดขัด แนะตั้งกฏเกณฑ์ดูแลภายใน ด้านบลจ.อุ้มบริษัทเล็กเข้าระดมทุนตลาดหุ้นไทย
นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายในงานเอ็มเอไอ ฟอรั่ม 2015 ระหว่างการเสวนา หัวข้อ ตลาดการเงินแหล่งระดมทุนของกิจการ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ว่าจากการติดตามและสอบถามลูกค้าที่เป็นธุรกิจครอบครัว พบว่าธุรกิจที่มีพื้นฐานมาจากครอบครัวหากส่งต่อธุรกิจจากรุ่น 1 สู่รุ่น 2 ส่วนใหญ่จะอยู่รอดไม่ถึง 50% และรุ่น 2 ถึงรุ่น 3 จะอยู่รอดไม่ถึง 20% และจากรุ่น 3 ถึงรุ่น 4 จะอยู่รอดไม่ถึง 5%
รวมถึงหากส่งต่อโดยตรงจากรุ่น 1 ข้ามมาสู่รุ่น 4 จะอยู่รอดไม่ถึง 3% เนื่องจากกระบวนการทำงานร่วมกันของธุรกิจครอบครัวไม่มีระบบเท่าที่ควร และอาจมีความขัดแย้งภายใน ดังนั้นควรจัดทำกฎระหว่างครอบครัวตั้งแต่ที่ธุรกิจยังมีขนาดเล็ก ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลัง และควรเปิดโอกาสให้คนนอกที่มีความสามารถเข้ามาช่วยบริหารกิจการ สำหรับธุรกิจครอบครัว เช่น เครือเซ็นทรัล ที่ตระกูลจิราธิวัฒน์ทำงานร่วมกันกว่า 100 คน แต่สามารถบริหารธุรกิจและเติบโตได้ดี เพราะมีวิธีการบริหารงานในกิจการที่ดี ซึ่งธุรกิจครอบครัวถือเป็นกระดูกสันหลังหลักของเศรษฐกิจไทย
โดยในปัจจุบันธุรกิจขนาดกลางและขนามย่อม(เอสเอ็มอี)ในประเทศไทยมี 2-3 ล้านราย แต่จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์เพียง1 ล้านราย แต่ในจำนวนนี้ยังเปิดดำเนินการธุรกิจได้ไม่ถึง 200,000 ราย
นางสาวปฐมาพร ไชยกูลกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจครอบครัวอาจประสบปัญหาการกู้ยืมเงินจากธนาคาร ซึ่งการดำเนินงานของบริษัทคือเข้าให้การช่วยเหลือในลักษณะไปร่วมลงทุนกับธุรกิจครอบครัวนอกตลท. ผ่านการสนับสนุนเงินทุนและเข้าถือหุ้นประมาณ 20-25%โดยมีระยะเวลาการร่วมทุนประมาณ 3-5 ปี ซึ่งหากผู้บริหารต้องการซื้อหุ้นคืนสามารถซื้อคืนได้นอกตลาด หรือนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลท. จากนั้นบริษัทจะขายหุ้นออกเพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนในบริษัทใหม่“
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/economic/331996
