กสอ. กระทรวงอุตสาหกรรม รุกสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมกับประเทศ AEC จึงได้ร่วมมือกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จัดทำโครงการฝึกอบรมประเทศเพื่อนบ้านเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 5 ปี นำร่อง CLMV
กสอ. กระทรวงอุตสาหกรรม รุกสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมกับประเทศ AEC จึงได้ร่วมมือกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) จัดทำโครงการฝึกอบรมประเทศเพื่อนบ้านเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 5 ปี นำร่อง CLMV
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า การที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในปลายปีนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไทยได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมไทยกับประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรรวมกว่า 600 ล้านคน
ดังนั้น จึงได้ตั้งเป้าส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทย ให้สามารถขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มประเทศดังกล่าวได้ในอนาคต โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง หรือ CLMV อันได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม โดยพิจารณาศักยภาพการพัฒนาระหว่างประเทศไทยและประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง หรือ CLMVจะเห็นว่าประเทศไทยมีการพัฒนาที่ก้าวไกลกว่า เนื่องจากประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนจากการพัฒนาด้านเกษตรกรรมเป็นหลักไปเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมร่วมด้วย
ในขณะที่กลุ่มประเทศ CLMV มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการเกษตรกรรม และมีการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมในระดับที่ไม่สูงนักดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศเหล่านี้ให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศทั่วโลกได้ ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลดีต่อประเทศไทยด้วยนั้น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงได้ร่วมมือกับกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA)จัดทำโครงการฝึกอบรมประเทศเพื่อนบ้าน (Third Country Training Program: TCTP) เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 5 ปี (ปี 2558 – 2562)
นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า จากการสำรวจความต้องการรับการฝึกอบรมด้านอุตสาหกรรมสนับสนุน ในประเทศเวียดนาม ลาว และเมียนมา เมื่อเดือนมีนาคม 2558 ที่ผ่านมา พบว่าทุกประเทศมีความต้องการอบรมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในทิศทางเดียวกัน โดยแบ่งออกเป็น 4 หลักสูตรยอดนิยมที่มีความต้องการได้รับการส่งเสริมมากที่สุด คือ
1.หลักสูตรการสอนช่างให้เป็นครู (Diadatics for Technical Training)เพื่อยกระดับความสามารถช่างฝีมือให้สามารถถ่ายทอดความรู้ความสามารถต่อไปได้
2.หลักสูตรพื้นฐานการออกแบบแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก(Fundamental of Injection Mould Design ) เพื่อสามารถใช้เทคโนโลยีในการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้
3.หลักสูตรพื้นฐานการควบคุมแบบอัตโนมัติ (Basic PLC Programming)เพื่อสามารถประยุกต์ใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ได้
และ 4.หลักสูตรพื้นฐานการใช้เครื่องกลึง CNC และการควบคุมด้วยโปรแกรม (Basic CNC Programming and operation)ให้สามารถในการควบคุมโปรแกรมและระบบอัตโนมัติได้โดยหลักสูตรดังกล่าวถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลาสติกที่ใช้ในครัวเรือน บรรจุภัณฑ์ เช่น ขวดพลาสติก และอุตสาหกรรมสนับสนุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การที่ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพในการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมสนับสนุนครั้งนี้ นอกจากเป็นการตอกย้ำว่าไทยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในกลุ่มประเทศอาเซียนและเป็นต้นแบบการพัฒนาสำหรับประเทศลุ่มแม่น้ำโขงแล้ว ยังเชื่อมั่นว่าภายหลังการฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ข้างต้นแล้ว จะช่วยปรับโครงสร้างพื้นฐานการสร้างองค์ความรู้ให้แก่แรงงานและบุคลากรอุตสาหกรรมในกลุ่มประเทศ CLMV ให้มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น
ทั้งด้านการผลิต การเลือกใช้วัตถุดิบ ตลอดจนการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยสามารถขยายฐานการผลิตบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าวได้มากขึ้น อีกทั้งจะช่วยให้เกิดการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ของหน่วยงานภาครัฐและเป็นจุดเริ่มต้นของ SMEs ในการบุกเบิกเข้าไปหาตลาดและการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ในอนาคตได้อย่างมั่นคง
ทั้งนี้ประเทศ CLMV มีประชากรรวมกันประมาณ 170 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมดในอาเซียน อย่างไรก็ตามในปี 2557 ที่ผ่านมาไทยสามารถส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมโดยภาพรวมไปยังกลุ่มประเทศนี้สูงถึง6 แสนล้านบาท ขณะที่ในไตรมาสแรกปี 2558 ไทยส่งออกไปยัง CLMV แล้วประมาณ 1.79 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ10.59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ข้อมูล: หอการค้าแห่งประเทศไทย,พฤษภาคม 2558) นายอาทิตย์ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับการจัดกิจกรรมฝึกอบรมดังกล่าวจะทำการคัดเลือกผู้เข้าร่วมฝึกอบรมที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ทำงานด้านการพัฒนาบุคลากรอุตสาหกรรมในประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ประเทศละ 5 ราย รวมทั้งหมดเป็น 20 ราย เข้ารับการอบรมและนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดให้กับบุคลากรในประเทศของตนเองต่อไป โดยในปีแรกนี้จะจัดการอบรมขึ้นในเดือนกันยายน 2558 ภายใต้หลักสูตรการพัฒนาทักษะการผลิตวัสดุอุปกรณ์สำหรับประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (Skill development for Material Processing for Mekong Countries) นายอาทิตย์ กล่าวสรุป
สำหรับผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน 0 2367 8100-1 หรือเว็บไซต์ http://bsid.dip.go.th หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ได้ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2202 4414-18 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.thหรือwww.facebook.com/dip.pr