กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งสแกนบัญชีและงบการเงินของนิติบุคคลที่มีพฤติกรรมทำธุรกิจไม่โปร่งใส ผลการวิเคราะห์พบว่าส่วนใหญ่เรียบร้อยดี แต่เจอบางกลุ่มมีข้อบกพร่องซึ่งจะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย ถูกตามติด และระบุข้อควรทราบในหนังสือรับรองให้ประชาชนสามารถตรวจสอบก่อนตัดสินใจร่วมธุรกิจ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งสแกนบัญชีและงบการเงินของนิติบุคคลที่มีพฤติกรรมทำธุรกิจไม่โปร่งใส ผลการวิเคราะห์พบว่าส่วนใหญ่เรียบร้อยดี แต่เจอบางกลุ่มมีข้อบกพร่องซึ่งจะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย ถูกตามติด และระบุข้อควรทราบในหนังสือรับรองให้ประชาชนสามารถตรวจสอบก่อนตัดสินใจร่วมธุรกิจ
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนต.ค.57 ถึง ก.ค.58 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้เดินหน้าตรวจสอบบัญชีและงบการเงินประจำปี 56 ของนิติบุคคลไปแล้วประมาณ 65,000 ราย จากทั้งหมด 551,919 ราย เบื้องต้นพบว่า ร้อยละ 2 ‘มีข้อบกพร่อง’ ในการจัดทำบัญชีและงบการเงินที่ไม่เป็นไปตามหลักกฎหมาย อาทิ การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจโดยไม่มีเงินมาลงทุนจริง การฝ่าฝืนคำสั่งสารวัตรบัญชี/สารวัตรใหญ่บัญชี เป็นต้น
อีกทั้งเมื่อได้วิเคราะห์เชิงลึกในธุรกิจที่ต้องสงสัยว่ามีความผิดปกติ ในการจัดทำงบการเงิน โดยได้ออกจดหมายเพื่อเรียกบัญชีและเอกสารมาตรวจสอบเพิ่มเติมจำนวน 22,000 ราย พบว่าร้อยละ 60 ไม่จัดส่งบัญชีให้กรมฯ ตามที่ร้องขอ จึงทำให้เกิดข้อสังเกตที่น่าเชื่อได้ว่างบการเงินที่จัดส่งให้แก่กรมฯ ในครั้งแรกนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ถูกต้อง การฝ่าฝืนในลักษณะนี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และติด Black List ซึ่งจะต้องถูกตรวจสอบอย่างต่อเนื่องในปีต่อไป
สำหรับการป้องปรามนิติบุคคลที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กรมฯ ได้ออกกฎระเบียบและมาตรการ เพื่อป้องกันและแจ้งเตือนต่อสังคมหรือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจใน 2 รูปแบบคือ
1) การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่มีเงินทุนสูงเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไปจะต้องแสดง Bank Statement ต่อนายทะเบียนเพื่อยืนยันสถานะทางการเงิน เนื่องจากการตรวจสอบข้างต้นได้พบนิติบุคคลที่มีลักษณะการจดทะเบียนด้วยเงินทุนสูง แต่กลับไม่มีการดำเนินธุรกิจหรือจัดตั้งสถานประกอบการจริง การนำเงินจากแหล่งผิดกฎหมายเพื่อฟอกเงิน การจดทะเบียนเพื่อเข้ามาประมูลงานหรือรับค่านายหน้าจากการประมูลงานก่อสร้างโครงการใหญ่ๆ ของภาครัฐ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวจะสร้างความเสียหายให้กับผู้ที่ร่วมดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก และอาจมีเจตนาเพื่อหลอกลวงประชาชนในที่สุด
2) มาตรการระบุ ‘ข้อควรทราบ’ ในหนังสือรับรองนิติบุคคลเพื่อให้ผู้ที่มีส่วนได้เสีย อาทิ สถาบันทางการเงิน เจ้าหนี้การค้า นักธุรกิจ และผู้ใช้งบการเงินของธุรกิจเหล่านั้นได้พึงระวัง ซึ่งขณะนี้มีนิติบุคคลที่ถูกระบุข้อควรทราบเกี่ยวกับการไม่จัดส่งบัญชีให้ตรวจสอบประมาณ 3,200 ราย และ นิติบุคคลที่ไม่มีที่ตั้งของสำนักงานอีกประมาณ 6,900 ราย
ทั้งนี้ ขอแนะนำและเตือนให้ประชาชนโปรดตรวจสอบข้อมูลของนิติบุคคลให้แน่ชัดก่อนที่จะร่วม ดำเนินธุรกิจหรือใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจ เพื่อป้องกันปัญหาการหลอกลวงหรือการสร้างความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจไม่โปร่งใส โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซด์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th หัวข้อ “คลังข้อมูลธุรกิจ” และ Application DBD e-Service โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
www.smethailandclub.com แหล่งข้อมูล เพื่อธุรกิจ SME