พี.เอส.วี. เคมีคอล ผ่าทางตันพลิกเกมดันยอดขายพุ่ง

พี.เอส.วี. เคมีคอล ผ่าทางตัน หลังยอดขายลดฮวบ แก้โจทย์ปัญหาวัตถุดิบ น้ำยาทำความสะอาด สบู่ใส ดันยอดขายเพิ่มร้อยละ 10

 






    พี.เอส.วี. เคมีคอล ผ่าทางตัน หลังยอดขายลดฮวบ แก้โจทย์ปัญหาวัตถุดิบ น้ำยาทำความสะอาด สบู่ใส ดันยอดขายเพิ่มร้อยละ 10 

    นายประวิตร  สุจริตวนิชวงศ์ ผู้จัดการบริษัท พี.เอส.วี. เคมีคอล จำกัด ผู้จำหน่ายวัตถุดิบและผลิตน้ำยาทำความสะอาด สบู่ใส เครื่องสำอาง เปิดเผยว่า บริษัท พี.เอส.วี. เคมีคอล จำกัด เป็นบริษัทของคนไทย 100 % ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 โดยดำเนินธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงนำเข้าเคมีภัณฑ์เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบเครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ทางด้านป้องกันเชื้อในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับน้ำ เช่น Cooling ในน้ำยาต่างๆ รวมถึงเครื่องสำอาง

    นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ในสีทาบ้าน เป็นต้น โดยในส่วนของน้ำมันสำหรับโลหะ ทางบริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำมันเพื่อป้อนอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งมีสินค้าครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้นขึ้นรูป แปรรูป ตัด ดัด จนถึงกันสนิมโลหะ

 



    “ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาของบริษัทในปัจจุบัน คือยอดขายที่ลดลงไปตามสภาวะตลาด ซึ่งสวนทางกับค่าใช้จ่ายที่มีแต่เพิ่มขึ้น ทางบริษัทได้มีการวิเคราะห์ถึงปัญหา ทำให้ได้รับคำตอบจากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ไม่มีความหลากหลายของสินค้าเพียงพอ ไม่พยายามที่จะขายสินค้าใหม่ๆ จึงไม่สามารถเพิ่มความหลากหลายของสินค้าได้ เพราะสินค้าคงคลังจะล้น บริษัทจึงเห็นว่าต้องมีการจัดการปัญหานี้เพื่อให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ มิเช่นนั้นวันหนึ่งคงต้องปิดบริษัท”


    แม้ทางบริษัทจะพยายามแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถตอบโจทย์ทั้งหมดได้ และที่สำคัญปัญหายังคงอยู่ นั่นจึงเป็นที่มาของการขอเข้าร่วมกิจกรรมการบริการเงินสมทบจ้างที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงการผลิต การจัดการ การตลาด และการบริการ (Consultancy Fund :CF) หรือกิจกรรม CF ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม  เพราะได้รับข้อมูลมาว่า กิจกรรม CF สามารถแก้ไขปัญหาของผู้ประกอบการได้จนประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายธุรกิจ

 




    “ กิจกรรม CF เป็นกิจกรรมที่ภาครัฐโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้การสนับสนุนที่ปรึกษา การทำแผนธุรกิจ BMC (Business Model Canvas) ช่วยให้ผู้ประกอบการได้ทราบแนวทางการดำเนินงานธุรกิจของตนเอง จึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรม CF ภายใต้หัวข้อ BMC” นายประวิตร  กล่าว


    นายประวิตร  ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ที่ปรึกษากิจกรรม CF ได้เข้ามาช่วยอย่างเต็มที่ และทำให้ทุกอย่างเกิดการพัฒนาตามรูปแบบของ BMC สิ่งที่ตามมาอีกประการและสำคัญที่สุดคือ  ทำให้รู้จักวิเคราะห์  มีความรู้ความเข้าใจในด้านการตลาดมากขึ้น มีการทำแผนการตลาดเชิงรุก เพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะสามารถทำแผนกับสินค้าใหม่ๆ ให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 



    “ จากเดิมบริษัทไม่มีการทำการตลาด มีแต่การขายอย่างเดียว จึงไม่มีการทำการวิเคราะห์ เมื่อประสบปัญหาไม่มีแนวทางการแข่งขัน ทำงานเพื่อวันนี้ ไม่ได้มีแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่ชัดเจน เนื่องจากการโตมาอย่าง SME จึงขาดองค์ความรู้ในการพัฒนาบุคคลการอย่างเป็นระบบ”


    นายประวิตร  กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสำเร็จจากการเข้าร่วมกิจกรรม CF ไม่เพียงแต่ยอดขายที่เริ่มเห็นว่าเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย คือ 10% ในปีแรก เพิ่มยอดขายในปีต่อๆไปอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำให้มีแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่ชัดเจนขึ้น มีการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด มีการทำ SWAT รู้ว่าสิ่งที่ต้องปรับปรุงเพื่อบรรลุเป้าหมายคืออะไร ทั้งหมดตามมาด้วยยอดขาย และการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่บริษัทต้องบอกว่าได้จากกิจกรรม CF เต็ม ๆ    

 



     “ ในภาวะวิกฤติอย่างปัจจุบัน ที่ผู้ประกอบการ SME ต้องเริ่มปิดกิจการลงมากขึ้น พบว่าหนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากการที่ผู้ประกอบการขาดองค์ความรู้ในการพัฒนาองค์กร ซึ่งกิจกรรม CF เป็นสิ่งที่ช่วยได้อย่างมาก เพราะนอกจากมีที่ปรึกษาที่มีความรู้ความชำนาญในด้านต่างๆ ที่จะมาช่วยพัฒนาองค์กรแล้ว ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้อีกส่วนหนึ่ง ถ้าผู้ประกอบการ SME ได้ที่ปรึกษามาช่วยจะทำให้สามารถขยายธุรกิจ สร้างความมั่งคั่งให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืนแน่นอน” นายประวิตร  กล่าวทิ้งท้าย


www.smethailandclub.com ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)

 

NEWS & TRENDS