8 เดือนยอดยึดสินค้าเถื่อนตามชายแดนพุ่ง 184%

กรมทรัพย์สินฯ ชี้ 8 เดือน ยึดสินค้าเถื่อนพุ่ง 184% ส่วนใหญ่แอบนำเข้าจากชายแดน ทั้งด่านทางบก ด่านทางเรือ และด่านทางอากาศ





    กรมทรัพย์สินฯ ชี้ 8 เดือน ยึดสินค้าเถื่อนพุ่ง 184% ส่วนใหญ่แอบนำเข้าจากชายแดน ทั้งด่านทางบก ด่านทางเรือ และด่านทางอากาศ

    นางนันทวัลย์  ศกุนตนาค อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยถึงการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาว่า ในช่วง 8 เดือนของปี 58 (ม.ค.-ส.ค.) หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการละเมิดฯ ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีการจับกุมสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญารวม 5,913 คดี ลดลง 17.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลจับกุมได้รวม 7,164 คดี และยึดสินค้าละเมิดได้ 2.91 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 184% จากช่วงเดียวกันที่ยึดสินค้าละเมิดได้ 1.02 ล้านชิ้น


     สำหรับผลการจับกุมดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากสุดถึง 5,357 คดี หรือ 90.5% ของผลการจับกุมทั้งหมด ส่วนจำนวนของกลางที่ยึดได้มากสุดเป็นผลงานของกรมศุลกากรถึง 1.42 ล้านชิ้น หรือ 48.9% ของของกลางที่ยึดได้ทั้งหมด เพราะปัจจุบันแหล่งผลิตสินค้าละเมิดส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ เมื่อกรมศุลกากรกวดขันการลักลอบขนสินค้าละเมิดผ่านตามแนวชายแดน และผ่านด่านต่างๆ ทั่วประเทศทั้งด่านทางบก ด่านทางเรือ และด่านทางอากาศ ทำให้ของกลางที่จับกุมมีปริมาณเพิ่มขึ้น ส่วนของกลางในท้องตลาดมีปริมาณลดลง 

    
    นอกจากนี้ ดีเอสไอยังได้จับกุมแหล่งเก็บสินค้าละเมิด และแหล่งค้าส่งสินค้าละเมิดหลายแห่งอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณสินค้าละเมิดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษยึดได้มีปริมาณถึง 660,387 ชิ้น หรือคิดเป็น 22.5% ของของกลางที่ยึดได้ทั้งหมด ขณะเดียวกัน กรมทรัพย์สินทางปัญญายังได้ร่วมกับกองบังคับ  การปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และภาคเอกชนจัดชุดจรยุทธ์และชุดระดมปรามปราบออกปราบปรามสินค้าละเมิดในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยมีผลการจับกุมรวม 351 คดี ผู้ต้องหา 292 คน ยึดของกลางได้รวม 42,775 ชิ้น 


    ปัจจุบัน ผู้กระทำละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาบางส่วนได้ปรับเปลี่ยนช่องทางการจำหน่ายสินค้าละเมิดผ่านทางสื่อออนไลน์มากขึ้น เพราะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกรมฯจะร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และดีเอสไอ ดำเนินการปราบปรามอย่างเข้มข้นต่อไป

ที่มา  : http://www.dailynews.co.th/economic/354358 (เดลินิวส์)

NEWS & TRENDS