นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ไทย มีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ขณะที่ภาครัฐได้จัดกิจกรรมที่ให้การสนับสนุน เอสเอ็มอี ภายใต้โครงการ SME Pro-activeประกอบด้วย 2 กิจก..
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ไทย มีความสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ขณะที่ภาครัฐได้จัดกิจกรรมที่ให้การสนับสนุน เอสเอ็มอี ภายใต้โครงการ SME Pro-activeประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่1.การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในต่างประเทศที่มีศักยภาพ และ 2.กิจกรรมการจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าในต่างประเทศ ตามโครงการ SMEsPro-active ได้รับอนุมัติวงเงินสนับสนุนสำหรับดำเนินโครงการฯ ระหว่างปีงบประมาณ 2559 –2561 ทั้งสิ้นจำนวน 400 ล้านบาท
โดยคณะกรรมการโครงการฯ ได้กำหนดกรอบวงเงินสำหรับการสนับสนุน เอสเอ็มอีรายตลาดหรือกลุ่มสินค้าสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ กระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการผลักดันตลาดใหม่และสินค้าที่มีศักยภาพ โดยแบ่งเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ อาเซียน จีน เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง รัสเซีย แอฟริกา (วงเงิน 200 ล้านบาท) 2. ตลาดหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป-15 ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา (วงเงิน 100 ล้านบาท) 3. กลุ่มธุรกิจบริการ (วงเงิน 50 ล้านบาท) และ 4. สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง มีนวัตกรรม มีการออกแบบ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือได้รับเครื่องหมายรับรอง วงเงิน 50 ล้านบาท
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการ SMEs Pro-active สำหรับปี 2559 – 2561 หรือในระยะที่ 2 นี้ สภาอุตฯ ได้เสนอเป็นเจ้าภาพนำคณะผู้ประกอบการไปร่วมงานแสดงสินค้ากว่า 30 งาน ครอบคลุมในหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ ซึ่งทางสภาอุตฯ คาดหวังว่าจะสามารถส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในการขยายการค้าไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 รายตลอดทั้งโครงการ และสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออกในอนาคตได้ถึง 10,000 ล้านบาท
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)