นางสาวบงจรรย์ กาญจนศาสตร์ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวภายในงาน Business Marketing Forum – Bangkok ว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการให้การส่งเสริม และสนับสนุนระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Digital..

นางสาวบงจรรย์ กาญจนศาสตร์ ผู้อำนวยการสำนัก สำนักส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวภายในงาน Business Marketing Forum – Bangkok ว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการให้การส่งเสริม และสนับสนุนระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Digital Economy หรือ DE) ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปกระบวนการผลิต การดำเนินธุรกิจ การค้า การบริการ และสังคมอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น
โดยเป้าหมายของ Digital Economy ประการแรกคือการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนานวัตกรรมและสร้างสรรค์ธุรกิจแนวใหม่ รวมถึงภาคธุรกิจไทยโดยเฉพาะธุรกิจฐานรากและ SMEs ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างศักยภาพในการทำธุรกิจ ประการที่สองเป็นการสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม โดยประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัล และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ประการที่สามคือเปลี่ยนการทำงาน การบริการภาครัฐด้วยดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ และสุดท้ายเป็นการพัฒนาทุนมนุษย์สำหรับโลกยุคดิจิทัล โดยการพัฒนาพลเมืองที่มีความสามารถพัฒนา และใช้สารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลมีความเชี่ยวชาญระดับมาตรฐานสากล
โอกาสทางการตลาดยุคดิจิทัลมองในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล ทำให้เกิดการหลอมรวมเทคโนโลยีที่ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถออนไลน์ได้ในระบบเครือข่ายผ่านเครื่องมือต่างๆ (หรือที่เรียกว่า Internet of Thing: IoT) โดยที่จะต้องมีการพัฒนาเครือข่ายที่เชื่อมโยง การสื่อสารของอุปกรณ์ทุกสรรพสิ่ง ทำให้เกิดบริการอัจริยะที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลและควบคุม สั่งการสิ่งของต่าง ๆ ได้จากระยะไกลผ่านอินเทอร์เน็ต
กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ ได้แก่ กลุ่มขนส่ง ภาคการผลิต กลุ่มบริการสุขภาพ กลุ่มการเกษตร การตลาด เป็นต้น รวมถึงการที่อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเราจะเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะ ที่สามารถพูดคุยกันได้ เป็นการต่อยอดจาก IoT (ที่เรียกว่า Machine to Machine: M2M) ทำให้การติดต่อสื่อสารหรือการซื้อขายสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ผู้ซื้อและผู้ขายมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยสามารถพูดคุยผ่านทางแอพลิเคชั่น เลือกดูสินค้า และตกลงซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย
การเชื่อมโยงการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้เกิดโอกาสในการทำธุรกิจมากขึ้น รวมถึงการตลาดซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกิจ ก็มีการพัฒนาทางด้านดิจิตอลของนักการตลาด โดยมีการปฏิรูปการดำเนินงาน รวมถึงทีมงาน เทคโนโลยี และกลยุทธ์ ซึ่งมีการผนวกรวมช่องทางดิจิตอล เพื่อนำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าที่รอบด้านมากขึ้น
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จะเป็นโอกาสให้การตลาดมีช่องทางในการติดต่อกับลูกค้าได้หลายหลายมากขึ้น มีการดำเนินการกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงการจัดการทางด้านองค์ความรู้ทางด้านการตลาด หากสามารถรวบรวมและพัฒนาให้เข้ามาสู่ระบบดิจิทัลจะทำให้สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันได้ จะเกิดประโยชน์กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีรูปแบบการทำธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป การขยายตลาดที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งในส่วนของการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้โอกาสในการทำธุรกิจในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้น และเป็นโอกาสของนักการตลาดที่จะพัฒนาศักยภาพในการรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และใช้โอกาสนั้นในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจ SME (เอสเอ็มอี)