เอกชนชี้ เป็นตัวถ่วงศูนย์กลางกระจายสินค้าไทย รับเปิดเออีซี ด้านพาณิชย์เล็งผ่อนปรนสินค้าเกษตร ออกจกากรายการควบคุม เพื่อให้ส่งออกได้
เอกชนชี้ เป็นตัวถ่วงศูนย์กลางกระจายสินค้าไทย รับเปิดเออีซี ด้านพาณิชย์เล็งผ่อนปรนสินค้าเกษตร ออกจกากรายการควบคุม เพื่อให้ส่งออกได้
นายนิยม ไวยรัชพานิช ประธานคณะกรรมการความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนเป็นห่วงร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2522 ว่าด้วยการนำสินค้าผ่านแดน หรือถ่ายลำในประเทศออกไปยังประเทศที่ 3 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 ธ.ค. 58 อย่างมาก เนื่องจากจะเป็นอุปสรรคการค้า รวมถึงกระทบต่อการเป็นศูนย์กลางการค้าของอาเซียน และทำให้ไทยได้รับประโยชน์จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีลดลง
ทั้งนี้ ขั้นตอนการขนส่งสินค้าจะยุ่งยากมากขึ้น จากเดิมที่สามารถนำสินค้าจากเพื่อนบ้าน ผ่านไปยังท่าเรือได้ทันที แต่ปัจจุบันต้องนำสินค้าไปทำพิธีการศุลกากรเพื่อเข้าประเทศ จากนั้นเมื่อถึงท่าเรือก็จะต้องทำพิธีการศุลกากรอีกรอบ ซึ่งจะเสียเวลาและมีค่าใช้จ่ายในแต่ละขึ้นตอนเพิ่มขึ้น ส่วนประเด็นความกังวลว่าสินค้าเกษตรจากเพื่อนบ้านจะตกค้างในประเทศไม่ไปยังประเทศที่ 3 นั้นเห็นว่าสามารถใช้เทคโนโลยี หรือ วิธีป้องกันการรั่วไหลอื่น แทนการออกกฎหมายเพิ่ม
"ไทยอาจสะดุดขาตัวเองในเออีซี เพราะกฎหมายนำเข้า-ส่งออกฯของไทย ที่เพิ่มขั้นตอนการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอาจทำให้ความน่าสนใจที่ไทยเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าของอาเซียนลดลง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของระเบียบการใช้รถยนต์ เช่น รถขนสินค้าจากพม่ามาไทยเข้ามาไม่ได้เมื่อถึงชายแดนต้องขนของลงเปลี่ยนรถจึงจะส่งเข้ามาได้ เช่นเดียวกัน เมื่อไปถึงฝั่งพม่าก็ต้องก็ต้องเปลี่ยนรถ จึงห่วงว่าการค้าในอาเซียนอาจมีอุปสรรคจากปัญหาเหล่านี้”
ด้านนายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณารายการสินค้าภายใต้ ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 โดยจะให้นำสินค้าบางรายการที่เคยกำหนดไว้ในประกาศกระทรวงฯออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพทางการค้าปัจจุบัน เบื้องต้น รอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง เห็นชอบให้นำสินค้าแป้งมันออกจากรายการ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีการผลิตเพิ่มยากต่อการรั่วไหลจนกระทบการผลิตในประเทศ พร้อมทั้งรอให้คณะกรรมการฯ ที่ดูแลสินค้าเกษตรแต่ละรายการพิจารณาเพิ่มอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นข้าว ข้าวโพด น้ำมันปาล์ม เพื่อให้นำสินค้านั้นๆสามารถออกจากรายการควบคุมหรือไม่ โดยหลักการพิจารณาคือต้องไม่ให้กระทบกับเกษตรกรในประเทศ
สำหรับสินค้าภายใต้ประกาศจำนวน 30 ชนิด เช่น เครื่องเล่นเกม, บารากู่, ข้าว, มันสำปะหลัง, น้ำมันปาล์ม, อาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นต้น ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าที่มีมาตรการห้ามนำเข้าอยู่แล้ว ก็จะกำหนดไม่ให้มีการนำผ่านด้วย เพื่อเป็นการดูแลความมั่นคง ดูแลอุตสาหกรรมภายในประเทศ และเกษตรกร ไม่ให้ได้รับผลกระทบในกรณีที่มีสินค้าลักลอบเข้าสู่ประเทศ ซึ่งกรมฯ ได้มีการปรับปรุงแก้ไขนิยามคำว่า “นำผ่าน” ให้ชัดเจนมากขึ้นซึ่งจะช่วยให้การนำสินค้าผ่านแดน เพื่อรองรับการเปิดเออีซี ด้วย และขอยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการค้าขาย แต่ช่วยทำให้การนำเข้า-ส่งออกสินค้ามีความรัดกุม ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/economic/366420