สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ถึง "ความสมหวัง" และ "ความผิดหวัง" ของประชาชนในการบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในรอบปี 2558 โดยพบว่าที่ผ่านมา โดยในด้าน "ความสมหวัง" พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 90.92 สมหวังในกิจกรรมเทิดพระเกี..
สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ถึง "ความสมหวัง" และ "ความผิดหวัง" ของประชาชนในการบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในรอบปี 2558 โดยพบว่าที่ผ่านมา โดยในด้าน "ความสมหวัง" พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 90.92 สมหวังในกิจกรรมเทิดพระเกียรติ "ปั่นเพื่อพ่อ" และ "ปั่นเพื่อแม่" รองลงมาร้อยละ 74.53 คือการจัดระเบียบของรัฐบาล ทำให้ผู้มีอิทธิพลลดน้อยลง ร้อยละ 63.30 คือความตั้งใจทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ . . . ส่วนเรื่อง "ความผิดหวัง" ของประชาชนในรอบปี 2558 นั้น ส่วนใหญ่ ร้อยละ 90.36 ระบุ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน พืชผลเกษตรราคาตกต่ำ รองลงมาร้อยละ 88.15 การปราบปรามทุจริตยังไม่สำเร็จ ยังมีการทุจริตอยู่
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ให้ความเห็นว่า โครงการเทิดพระเกียรติเป็นสิ่งที่ดีและเป็นมงคลยิ่ง แต่ก็ไม่ใช่ดำริของรัฐบาล และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของชาติโดยตรง ส่วนผลงานด้านอื่น ๆ ก็มีคะแนนค่อนข้างน้อยกว่ามากคือร้อยละ 74.53 และ 63.30 ตามลำดับ แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่งก็คือ "ความผิดหวัง" ที่ร้อยละ 90.36 ระบุถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน พืชผลเกษตรราคาตกต่ำ แสดงว่าการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติในระยะเวลา 19 เดือนนับแต่ยึดอำนาจมานั้น ไม่ประสบความสำเร็จ
การอำนวยสินเชื่อในชนบทโดยการปล่อยกู้ 1.37 แสนล้านบาท ผ่าน 3 โครงการ เริ่มจากให้แบงก์รัฐปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้านแบบไร้ดอกเบี้ย ใส่เงินลงไปตำบลละ 5 ล้านบาททั่วประเทศ รวมทั้งกระตุ้นการลงทุนโครงการขนาดเล็ก มุ่งหวังให้คนมีกำลังจับจ่ายใช้สอย . . . (รวมทั้ง) ให้แบงก์รัฐ 2 แห่ง คือ ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ปล่อยเงินกู้แห่งละ 30,000 ล้านบาท รวม 60,000 ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้เงินก้อนนี้ไปปล่อยกู้ต่อให้สมาชิก แบบไม่มีดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี"
ข้อนี้ ดร.โสภณ วิพากษ์ว่า
1. ในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ การลงทุนแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้น หากมีการกู้เงินเกิดขึ้น เกรงจะเป็นการกู้ไปใช้หนี้แทน หรือไม่ก็กู้ไปใช้จ่ายโดยไม่ได้กลายเป็นทุน หดหายหมดไปอย่างสูญเปล่า สร้างหนี้สินจนต่อไปอาจยิ่งเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว กลายเป็นการสร้างปัญหาสังคม เท่ากับไม่นำพาแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
2. การที่รัฐบาลมุ่ง "ปั้ม" ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นผลงานโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อชาตินี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
3. ยิ่งกว่านั้นการให้กู้เงินโดยไม่มีดอกเบี้ยจากธนาคารของรัฐ ก็ยิ่งทำให้ธนาคารเกิดความเสี่ยง ยิ่งต้องกันสำรองหนี้ไว้ ถึงแม้รัฐบาลจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสถาบันการเงินของรัฐ แต่ก็ควรมีความรับผิดชอบต่อผู้ฝากเงิน มีมาตรการเตรียมไว้หากเสียหาย ทำให้ธนาคารได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงในอนาคต
ดังนั้นเมื่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติโดยรัฐบาลนี้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร จึงจะกลายเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจให้หนักหน่วงลงไปอีก การลงทุนต่าง ๆ จึงอาจมีระดับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น นักลงทุนรวมถึงผู้ซื้อบ้านทั่วไปจึงควรสังวร