“พาณิชย์” เผยภาคเอกชนไทยทั้งรายใหญ่และธุรกิจเอสเอ็มอีขนเงินเทคโอเวอร์กิจการ-สร้างโรงงานต่างประเทศ อินโดนีเซีย-ซีแอลเอ็มวีเนื้อหอม
“พาณิชย์” เผยภาคเอกชนไทยทั้งรายใหญ่และธุรกิจเอสเอ็มอีขนเงินเทคโอเวอร์กิจการ-สร้างโรงงานต่างประเทศ อินโดนีเซีย-ซีแอลเอ็มวีเนื้อหอม
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าในฐานะรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนไทยทั้งรายใหญ่และธุรกิจเอสเอ็มอีสนใจที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อขยายตลาดการค้าในต่างประเทศ รวมถึงอาศัยวัตถุดิบการผลิตที่ถูกและสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆในการส่งออกไปประเทศที่สามโดยในช่วง 9 เดือนของปี 58 มีนักธุรกิจไทยออกไปลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) มีมูลค่า 6,817ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 143% ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศและการจัดตั้งโรงงาน
“แหล่งลงทุนสำคัญของนักธุรกิจไทยส่วนใหญ่จะเป็นตลาดซีแอลเอ็มวี(กัมพูชา,ลาว,เมียนมา,เวียดนาม) รวมถึงในประเทศอินโดนีเซียที่มีวัตถุดิบมาก,ค่าแรงถูกและเป็นตลาดที่ใหญ่นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกรวมถึงในทวีปยุโรปด้วยซึ่งผลของการเข้าไปซื้อกิจการนั้นเป็นช่องทางในการนำสินค้าต่างๆของไทยเข้าวางจำหน่ายในต่างประเทศมากขึ้นส่วนการเข้าไปลงทุนก็จะช่วยให้ตลาดต่างประเทศรู้จักแบรนด์ไทยและสินค้าไทย”
อย่างไรก็ตามเอกชนแสดงความเห็นว่าการลงทุนในอินโดนีเซียยังเป็นเรื่องยากเพราะต้องใช้ความสัมพันธ์พิเศษจึงต้องการให้ภาครัฐช่วยลดปัญหาและอุปสรรคดังกล่าว สอดคล้องกับแผนการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการผลักดันการลงทุนไปต่างประเทศอยู่แล้วซึ่งเป็นบทบาทที่ต่างจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่เน้นการดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศแต่กระทรวงฯจะเน้นการให้คนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นแต่จะต้องทำงานร่วมกันเนื่องจากบีโอไอมีประสบการณ์เรื่องการลงทุนมากกว่า
ที่มา : http://www.dailynews.co.th/economic/378335