สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เผยข้อมูลตลาดส่งออกอาหารของไทยในกลุ่มประเทศ CLMV อนาคตไกล แนะเอสเอ็มอีเริ่มเจาะตลาดตามแนวชายแดนไทย
สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เผยข้อมูลตลาดส่งออกอาหารของไทยในกลุ่มประเทศ CLMV อนาคตไกล แนะเอสเอ็มอีเริ่มเจาะตลาดตามแนวชายแดนไทยก่อนค่อยขยายสู่เมืองหลักเพื่อลดความเสี่ยง หรือเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เผยตลาดข้อมูลส่งออกอาหารของไทยไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ยถึงร้อยละ 15.94 ต่อปี และพบว่าสัดส่วนของมูลค่าส่งออกอาหารไปยัง CLMV มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่า CLMV คือตลาดอาเซียนใหม่ที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับเอสเอ็มอีกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร
ทั้งนี้ สถาบันอาหารได้ทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคใน CLMV เกี่ยวกับการบริโภคอาหารแปรรูป พบว่ากัมพูชา ชาวกัมพูชามักจะทำอาหารด้วยตนเองเป็นประจำทุกวัน คิดเป็นร้อยละ 35.2 โดยในปัจจุบันพฤติกรรมการรับประทานอาหารสำเร็จรูปประเภทต่าง ๆ ยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนัก
เช่นเดียวกับ สปป.ลาว กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 97.0 มีพฤติกรรมการปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้าน มีความถี่ในการรับประทานบะหมี่/ก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูป และอาหารสำเร็จรูปแช่เย็นแช่แข็ง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนอาหารแปรรูปกระป๋องมีความถี่ในการรับประทาน 1-2 ครั้งต่อเดือนมากที่สุด ร้อยละ 90 เลือกบริโภคเครื่องดื่มสำเร็จรูปได้แก่ เครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้พร้อมดื่ม เครื่องดื่มจำพวก ชา กาแฟ น้ำปั่น นมพร้อมดื่ม นมเปรี้ยว โยเกิร์ต โดยมีความถี่ในการบริโภค 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่ากันทุกชนิดมากที่สุด
สำหรับเมียนมา กลุ่มตัวอย่างบริโภคอาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยวประเภทถั่วและธัญพืช คิดเป็นร้อยละ 87.0 ด้วยความถี่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์,ขนมขบเคี้ยวประเภทขนมปังกรอบ เคยทานคิดเป็นร้อยละ 78.7 ด้วยความถี่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์, ขนมหวานจำพวกวุ้น เยลลี่ เคยทานคิดเป็นร้อยละ 62.0 ด้วยความถี่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์, หมูยอ กุนเชียง หมูหยอง แหนม เคยทานคิดเป็นร้อยละ 59.7 ด้วยความถี่ 1 ครั้งต่อเดือน
ผักผลไม้แปรรูป: ดอง แช่อิ่ม อบแห้ง เคยทานคิดเป็นร้อยละ 40.0 ด้วยความถี่ 1 ครั้งต่อเดือน, อาหารแปรรูปไขมันและแป้งน้อย เคยทานคิดเป็นร้อยละ 34.3 ด้วยความถี่ประมาณ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ , อาหารแปรรูปแช่เย็นแช่แข็งนั้นผู้บริโภคชาวเมียนมาไม่เคยบริโภคมากถึงร้อยละ 95.0 และอาหารแปรรูปกระป๋องนั้น โดยรวมแล้วเคยรับประทานอยู่ที่ร้อยละ 74.0 มีความถี่ 1 ครั้งต่อเดือนมากที่สุด
ด้านเวียดนาม ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้านมากถึงร้อยละ 98.0 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีความถี่ในการรับประทานบะหมี่/ก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูป 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนอาหารแปรรูปแช่เย็นแช่แข็งและอาหารแปรรูปกระป๋องมีความถี่ในการรับประทาน 1-2 ครั้งเดือนมากที่สุด โดยชาวโฮจิมินห์ส่วนใหญ่นิยมรับประทานบะหมี่/ก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูป อาหารแปรรูปแช่เย็นแช่แข็ง และอาหารกระป๋องมากกว่าชาวฮานอย กลุ่มตัวอย่างมากกว่าร้อยละ 90 เลือกบริโภคเครื่องดื่มสำเร็จรูป ได้แก่ เครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้พร้อมดื่ม รองลงมาเป็นเครื่องดื่มจำพวก ชา กาแฟ น้ำปั่น และ นมพร้อมดื่ม นมเปรี้ยว โยเกิร์ต โดยมีความถี่ในการบริโภค 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์
"จากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนา มีร้านค้าสมัยใหม่เกิดขึ้นมาก ศักยภาพของตลาดที่ขยายตัวเนื่องจากการลงทุนและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเมืองสำคัญ แนวโน้มตลาดอาหารแปรรูปยังมีโอกาสให้ขยายตัวได้อีกมาก ผู้บริโภคที่เป็นคนรุ่นใหม่เปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่าย นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ของอาหารไทยที่แข็งแรงด้านคุณภาพและมาตรฐานสินค้า จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารของไทยยังมีอนาคตสดใสในตลาด CLMV สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังไม่มีประสบการณ์ แต่มีความสนใจส่งออกสินค้าอาหารแปรรูปเข้าสู่ตลาด CLMV ควรเจาะตลาดตามแนวชายแดนก่อน เมื่อมีแนวโน้มดีจึงค่อยรุกเข้าสู่ตลาดในเมืองหลักตามลำดับ เพื่อลดความเสี่ยง หรืออาจเริ่มต้นจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้ากับหน่วยงานภาครัฐของไทย และรับคำแนะนำจากทูตพาณิชย์ของไทยประจำประเทศต่าง ๆ" นายยงวุฒิกล่าว
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)