รัฐมนตรีคลังเปิดระบบ e-Lock และโครงการปล่อยสินค้าล่วงหน้าศุลากรท่าเรือแหลมฉบัง ติดตามตู้สินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง รวมทั้งอำนวยความสะดวก ร่นระยะเวลา และบริหารความเสี่ยงในการปล่อยสินค้า
รัฐมนตรีคลังเปิดระบบ e-Lock และโครงการปล่อยสินค้าล่วงหน้าศุลากรท่าเรือแหลมฉบัง ติดตามตู้สินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง รวมทั้งอำนวยความสะดวก ร่นระยะเวลา และบริหารความเสี่ยงในการปล่อยสินค้า
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธีเปิดการใช้งานระบบติดตามทางศุลกากร (Tracking System) ภายใต้เทคโนโลยี e-Lock และเปิดโครงการปล่อยสินค้าล่วงหน้า (Pre-arrival Processing System) สถานีตรวจสอบตู้สินค้าที่ 2 ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบันกรมศุลกากรพัฒนาระบบเทคโนโลยีศุลกากรหลายประการ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้การผ่านพิธีการศุลกากรเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและยังคงไว้ซึ่งภารกิจในการปกป้องสังคมควบคู่กัน กรมศุลกากร ได้ดำเนินการจัดหาระบบติดตามทางศุลกากร เพื่อช่วยให้การดำเนินงานควบคุมและตรวจสอบสินค้าผ่านแดนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยใช้งานร่วมกับระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การเปรียบเทียบภาพสินค้าและน้ำหนักสินค้าระหว่างท่าต้นทางและท่าปลายทาง ทำได้โดยสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ประกอบกับการนำเทคโนโลยี RFID และ GPS ซึ่งทำงานร่วมกันเป็นระบบติดตามทางศุลกากรภายใต้เทคโนโลยี e-Lock โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถควบคุม ตรวจสอบและเฝ้าติดตามการเคลื่อนย้ายของตู้สินค้าผ่านแดนตลอดเส้นทางตั้งแต่ต้นทางจนถึงท่าปลายทาง โดยระยะแรกกรมศุลกากรจะนำระบบ e-Lock มาใช้กับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังและด่านศุลกากร รวม 16 แห่ง ที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นมาตรการทางศุลกากรที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศและช่วยปกป้องสังคมให้ปลอดภัย
นอกจากนี้ กรมศุลกากรได้จัดทำโครงการปล่อยสินค้าล่วงหน้า ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีปริมาณการนำเข้า-ส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์และการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการอำนวยความสะดวกทางการค้าเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทย มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุนสอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการสายการเดินเรือส่งข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือล่วงหน้าก่อนเรือมาถึงไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือได้มีข้อมูลสำหรับเตรียมการจัดวางตู้คอนเทนเนอร์สินค้าล่วงหน้าก่อนเรือเทียบท่า ผู้นำของเข้าสามารถส่งข้อมูลใบขนสินค้าและปฏิบัติพิธีการศุลกากรล่วงหน้า ทำให้สามารถทำการตรวจปล่อยสินค้าได้ในทันทีที่สินค้ามาถึง
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบในการบริหารความเสี่ยง เพื่อพิจารณาปล่อยสินค้าได้ล่วงหน้าและรวดเร็วกว่าที่เคยปฏิบัติมา ทำให้สามารถลดระยะเวลาในการดำเนินงานในท่าเรือให้น้อยลงก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาพรวมในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ขั้นแรก กรมศุลกากรจัดให้มีโครงการนำร่องการปล่อยสินค้าล่วงหน้า ณ ท่าเทียบเรือ A3 ท่าเรือแหลมฉบัง โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด และจะเริ่มดำเนินการ ในวันที่ 18 เมษายน 2559 ระยะเวลาดำเนินการ 60 วัน
อย่างไรก็ตาม กรมศุลกากรจะมุ่งมั่นพัฒนาระบบงานศุลกากร โดยการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้ามาปรับใช้อย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของภาครัฐและอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศให้ทันกับโลกในยุคปัจจุบัน.
ที่มา-สำนักข่าวไทย