กระทรวงอุตสาหกรรมนำเอสเอ็มอีโรดโชว์จีน พร้อมผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกนำร่อง 3 จังหวัด ดึงมหาวิทยาลัยต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค สนับสนุน กนอ.ตั้งนิคมจีน-เกาหลี ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ
กระทรวงอุตสาหกรรมนำเอสเอ็มอีโรดโชว์จีน พร้อมผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกนำร่อง 3 จังหวัด ดึงมหาวิทยาลัยต่างชาติลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค สนับสนุน กนอ.ตั้งนิคมจีน-เกาหลี ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ
นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการหารือสมาคมการค้าและการลงทุนอาเซียนสากล ว่า ที่ประชุมหารือเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย (เอสเอ็มอี) ผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่ประเทศจีน ณ เมืองฟู่โจว และเมืองชิงไห่ ช่วงเดือนพฤษภาคมและเมืองหลานโจวเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีเรียนรู้ประสบการณ์การค้าขายกับต่างประเทศ เพื่อนำมาพัฒนากระบวนการผลิตและธุรกิจของตัวเองให้มีความเข้มแข็ง รู้จักวางแผนการทำการตลาด ช่วยขยายช่องทางการตลาด ทำให้ธุรกิจมีความเข้มแข็งมากขึ้นและสามารถอยู่รอดได้ท่ามกลางภาวะการแข่งขันสูงและเศรษฐกิจชะลอตัว
“กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันการอาหาร สำนักงานคณะกรรมส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จะร่วมกันคัดเลือกเอสเอ็มอีที่เข้าหลักเกณฑ์ประมาณ 15-20 ราย เพื่อนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ไปออกบูธแสดงสินค้า โดยจะให้คำแนะนำและสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายการออกบูธเป็นหลัก ซึ่งยังมีแผนออกงานจัดแสดงสินค้าในประเทศอื่นโดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียนที่ยังมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีมาตรฐานได้รับการยอมรับ เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารฮาลาล เครื่องดื่ม สินค้าเกษตรแปรรูป และเครื่องสำอาง” นางอรรชกา กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการช่วยเหลือเอสเอ็มอีกลุ่มฟื้นฟูกิจการ (เทิร์น อะราวด์) นั้น ขณะนี้คัดเลือกครบตามเป้าหมาย 7,000 รายแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาวิเคราะห์และแยกแยะปัญหาออกเป็นกลุ่ม ๆ เพื่อวางแนวทางแก้ไขให้ถูกต้องและเหมาะสมตรงจุดให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้
นางอรรชกา กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการผลักดันเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (คบพ.) มีมติจะเร่งผลักดันพื้นที่ภาคตะวันออกโดยนำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งจะแก้ไขอุปสรรคปัญหาในการลงทุนทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของสัดส่วนการถือหุ้นในธุรกิจบางประเภทที่กฎหมายกำหนดให้คนไทยต้องถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 เช่น การดึงมหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศเข้ามาตั้งสาขาในประเทศไทย การลงทุนในอุตสาหกรรมอากาศยาน รวมทั้งอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงบางประเภท ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ยังไม่สามารถให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นเกินคนไทยได้ นอกจากนี้ จะผ่อนปรนเรื่องการเปิดบัญชีเงินต่างประเทศ ซึ่งจะทำได้ในเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ โดยมาตรการผ่อนปรนดังกล่าวจะเริ่มใช้ 3 จังหวัดนี้ก่อน หากประสบความสำเร็จจะกระจายใช้ในเขตเศรษฐกิจพิเศษอื่นต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุม คบพ. ยังเห็นว่าอำนาจหน้าที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ไม่ควรไปทับซ้อนกับอำนาจของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอาจจะกระทบต่อความมั่นคง เช่น อำนาจการอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นต้น ควรให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงหน่วยงานเดิมรับผิดชอบดูแล ส่วนการบริหารจัดการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนต่าง ๆ มีกฎหมายของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดูแลอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังให้ กนอ.ลงไปหาพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเฉพาะเจาะจงนักลงทุนรายประเทศ เช่น นิคมฯของชาวจีน และเกาหลีใต้ เป็นต้น เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้อยากอยู่รวมกลุ่มตั้งโรงงานใกล้กัน ส่วนนักลงทุนญี่ปุ่นส่วนใหญ่กระจายทั่วประเทศอยู่แล้ว ส่วนปัญหาผังเมืองมาบตาพุดนั้น ขณะนี้ใกล้ที่จะออกเป็นกฎหมายแล้วและยังคงพื้นที่ไว้ 30,000 ไร่ ตามที่ผู้ประกอบการและชุมชนเห็นตรงกัน ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากขึ้น
ที่มา-สำนักข่าวไทย