เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการส่งเสริมสนับสนุน และโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ OTOP ตลอดจนการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค เพื่อกระจายรายได้ให้ชุมชน พร้อมกับช่วยเหลือสังคมไปในทางเดียวกัน
เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการส่งเสริมสนับสนุน และโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ OTOP ตลอดจนการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค เพื่อกระจายรายได้ให้ชุมชน พร้อมกับช่วยเหลือสังคมไปในทางเดียวกัน
กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย (พช.), สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) จึงร่วมกันจัดตั้ง ร้านค้าประชารัฐสุขใจ Shop ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวม 148 แห่ง เพื่อให้วิสาหกิจชุมชน และสินค้า OTOP มีที่วางจำหน่ายสินค้าอย่างถาวร
ล่าสุดมีการเปิดร้านค้าประชารัฐสุขใจ Shop ด้วยการนำร่องการให้บริการจำนวน 2 จุด ใน จ.สระบุรี ซึ่งได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. พาร์ค แก่งคอย จำนวน 2 ร้าน และที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.เสาไห้ จ.สระบุรี อีก 1 ร้าน โดยมี "พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในพิธีเปิด
"สาลินี วังตาล" ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า ความร่วมมือการจัดตั้งร้านค้าประชารัฐสุขใจ Shop ถือเป็นการบูรณาการทำงานของทั้ง 5 หน่วยงาน ในการร่วมกันพัฒนาและสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีจุดขายของถาวร ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชน ท้องถิ่น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวอีกด้วย
สำหรับสินค้าที่วางจำหน่าย สสว.จะร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน และผู้ว่าราชการจังหวัด ในการคัดเลือกสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของแต่ละจังหวัด เพื่อนำมาวางขายที่ร้านค้าประชารัฐสุขใจ Shop ประจำจังหวัดนั้น ๆ เพื่อเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน
"สสว.ยังจะช่วยประสานงานกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เพื่อจัดหานวัตกรรมมาปรับปรุงตัวสินค้า รวมถึงการให้ TCDC เข้ามาช่วยดูในเรื่อง Packaging อีกทั้งธนาคาร SME ยังสนับสนุนด้านการเงินให้แก่ชุมชนที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน เพื่อผลิตหรือปรับปรุงมาตรฐานสินค้าอีกด้วย"
"สินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ถูกนำมาวางจำหน่ายที่ร้านค้าประชารัฐสุขใจ Shop ในแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน โดยแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์และอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาเลือกของดีของเด่นของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้จดจำได้ว่าหากจะซื้อสินค้าเหล่านี้อีกจะต้องมาที่ร้านค้าประชารัฐสุขใจ Shop"
ที่ไม่เพียงจะมีข้อมูลและข่าวสารด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง ๆ หากยังเป็นการพัฒนาสถานีริมทางเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นนั้น ๆ และที่สำคัญร้านค้าและศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวที่ตั้งในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. จำนวน 148 แห่งทั่วประเทศ ยังได้รับการสนับสนุนจาก ปตท. ให้พื้นที่ฟรีตลอดระยะเวลา 3 ปีอีกด้วย
"นารีรัช อุทัยแสงสกุล" ประธานเครือข่าย OTOP จ.สระบุรี และผู้จัดการร้านร้านค้าประชารัฐสุขใจ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. พาร์ค แก่งคอย กล่าวเสริมว่า สำหรับการเปิดร้านประชารัฐสุขใจ Shop ครั้งนี้จะสร้างโอกาสทางการตลาดมากกว่าเดิม เพราะเมื่อก่อนสระบุรีมีศูนย์ OTOP เพียงจุดเดียวเท่านั้น แต่เมื่อมีการเปิดร้านประชารัฐจะทำให้ลูกค้าสะดวกสบายขึ้น ทั้งยังมีโอกาสพบเจอสินค้า OTOP ของจังหวัดมากขึ้นด้วย
"เป้าหมายการขายของร้านค้าประชารัฐสุขใจแห่งนี้ เราคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ประมาณเดือนละ 3 แสนบาทต่อสาขา ซึ่งแต่ละสาขาอาจมีความแตกต่างกัน เพราะขึ้นอยู่กับทำเล ที่ตั้ง และลักษณะของปั๊ม ซึ่งปั๊ม ปตท. พาร์ค แห่งนี้มีขนาดใหญ่ การให้อำนวยความสะดวกร้านจึงมีเยอะ ทำให้ลูกค้าเข้ามาที่ปั๊มจำนวนมาก จนทำให้ยอดขายสูงขึ้น แต่บางสาขาอาจอยู่ที่ 1-2 แสนบาทเท่านั้น ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับโอกาสทางการตลาดของพื้นที่นั้น ๆ"
"ในส่วนสินค้าที่นำมาขายที่ร้านแห่งนี้จะมาจากหลากหลายอำเภอ โดยเป็นสินค้าใน จ.สระบุรี ประมาณ 80% อีก 20% จะมาจากเครือข่ายอื่น ๆ ซึ่งจะมีทั้งคุกกี้เนยสดองุ่น, คุกกี้เนยสดทานตะวัน, ข้าวแตน, ข้าวกล้อง, น้ำพริก 11 ชนิด, ธัญพืชแท่งงาดำ, แป้งน้ำสมุนไพร, หมวกคาวบอย, มะม่วงอบกรอบ, ทองม้วนทานตะวัน, ข้าวเกรียบผักหวาน, เมล็ดทานตะวันอบน้ำผึ้ง/อบเกลือ, น้ำข้าวกล้องเจ๊กเชย นอกจากนี้ยังมีสินค้าเกษตรแปรรูปที่ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดมาวางขายที่นี่ด้วย ทั้งลูกชิ้นเห็ดหอม, ปุยฝ้ายกล้วยหอม, ขนมเทียนแก้ว, ลาบหัวปลี, ผักหวานป่า, ต้นอ่อนทานตะวันสด ฯลฯ"
"เพราะเราเชื่อว่าถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี ร้านค้าทั้ง 148 แห่งทั่วประเทศจะสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าของชุมชนนั้น ๆ ได้อย่างยั่งยืน และจะกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และจังหวัดนั้น ๆ อย่างแท้จริง"
อย่างไรก็ตาม ร้านประชารัฐสุขใจ Shop ทั้ง 148 แห่งทั่วประเทศ คาดว่าจะเปิดครบทุกแห่งประมาณกลางปี 2559 โดยแบ่งเป็นภาคเหนือจำนวน 34 แห่ง ภาคกลาง 36 แห่ง ภาคตะวันออก 14 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 37 แห่ง และภาคใต้ 27 แห่ง ที่ไม่เพียงจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในการสร้างงาน สร้างรายได้ ยังเป็นการผลักดันให้สินค้าท้องถิ่นเป็นที่รู้จัก เข้าถึงได้ง่าย และยังเป็นจุดประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของพื้นที่นั้น ๆ เป็นอย่างดีอีกด้วย
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์