​รัฐมั่นใจอันดับทำธุรกิจยากง่ายไทยจะดีขึ้น

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าแนวทางการยกระดับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ในปี 2559 นี้ไทยจะมีอันดับที่ดีขึ้นจากการประเมินของธนาคาร..



    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าแนวทางการยกระดับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ในปี 2559 นี้ไทยจะมีอันดับที่ดีขึ้นจากการประเมินของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้มีการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่เคยเป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจให้มีความสะดวกมากขึ้น

    “เราทำงานในส่วนนี้มาเกือบ 6 เดือน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการบูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาคเอกชนด้วย เริ่มจากการตั้งโจทย์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำงาน หลักคือทำอย่างไรให้การทำธุรกิจมีความสะดวกที่สุด โดยหลายระบบก็มีความเชื่อมโยงกับระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ที่รัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการอยู่ ซึ่งความก้าวหน้าในส่วนนี้มีเยอะมาก” นายอภิศักดิ์ กล่าว

    นายอภิศักดิ์ย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้หวังแค่เพียงการขยับอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำธุรกิจในทางปฏิบัติเพราะมองว่าในระยะต่อไปภาคเอกชนจะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คงจะหวังพึ่งรัฐบาลเช่นที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะรัฐบาลจะลดบทบาทลงมาเป็นผู้ดูแล ให้แก้ปัญหาเพื่อให้การทำธุรกิจในทุกส่วนมีความสะดวกมากขึ้น จุดนี้เชื่อว่าจะทำให้เอกชนทั้งในและต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ไทยเองจะได้เปรียบประเทศอื่นมากกว่า เพราะมีสภาพแวดล้อมที่ดี อีกทั้งที่ผ่านมารัฐบาลเร่งดำเนินการด้านภาษี อาทิ ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 20% ปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา น่าจะเป็นตัวสร้างแรงจูงใจในการลงทุนได้เป็นอย่างดี

    โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้รัฐบาลมีแนวคิดที่จะจัดงานเพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจกับภาคเอกชนเกี่ยวกับความพยายามในการยกระดับขีดความสามารถในการทำธุรกิจของประเทศไทย โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้

    ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าความพยายามในการยกระดับการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ ของไทยในปีนี้ และปีหน้าจะดีขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพยายามในการแก้ไขประเด็นปัญหาทั้ง 10 ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่ธนาคารโลกได้กำหนดไว้ โดยบางประเด็นมีความคืบหน้าไปแล้ว 8-9 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนน และมีบางประเด็นคืบหน้าไป 7-8 คะแนน

    “ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เอาข้อมูลและข้อสรุปทั้งหมดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณา เพื่อใช้หารือกับทางเวิลด์แบงก์ และให้มีการนำข้อมูลลงเว็บไซต์เพื่อเปิดให้เอกชนที่สนใจเข้ามาติดตามรายละเอียดได้” นายสมคิด กล่าว

ที่มา แนวหน้า

 

NEWS & TRENDS