พาณิชย์เด้งรับนโยบาย "ประเทศไทย 4.0" ปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัย

พาณิชย์เด้งรับนโยบาย "ประเทศไทย 4.0" ย้ำต้องปรับปรุงกฎระเบียบการค้า การลงทุนที่ล้าสมัย "อภิรดี" ยันไม่ใช่ทำเพื่อเข้าร่วมข้อตกลง TPP พร้อมเปิดทางให้ผู้ที่มีความกังวลเข้าหารือ เสนอแนะ ก่อนรวบรวมเสนอรัฐบาลพิจารณา



    พาณิชย์เด้งรับนโยบาย "ประเทศไทย 4.0" ย้ำต้องปรับปรุงกฎระเบียบการค้า การลงทุนที่ล้าสมัย "อภิรดี" ยันไม่ใช่ทำเพื่อเข้าร่วมข้อตกลง TPP พร้อมเปิดทางให้ผู้ที่มีความกังวลเข้าหารือ เสนอแนะ ก่อนรวบรวมเสนอรัฐบาลพิจารณา

    นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์มีแผนจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ โดยได้ทำการศึกษาการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบทางการค้า การลงทุนที่ล้าสมัย และไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อผลักดันให้เข้าสู่แผนประเทศไทย 4.0 ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งไทยจะต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบให้มีความทันสมัย แต่ไม่ใช่ทำเพื่อรองรับการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ตามที่มีหลายๆ ฝ่ายแสดงความกังวล

    “ไทยจำเป็นต้องปรับปรุงกฎระเบียบทางการค้าให้มีความทันสมัย เพราะเราจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม TPP ไทยก็ต้องมีการปรับปรุงอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ และยิ่งรัฐบาลมีแผนผลักดันประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0 ยิ่งต้องมีการปรับมาตรฐานประเทศไทยให้ดีขึ้น เพื่อดึงดูดการค้า การลงทุนให้เข้ามา” นางอภิรดีกล่าว

    สำหรับการพิจารณาเข้าร่วมความตกลง TPP ขณะนี้กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน โดยเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมที่ยังมีความกังวลได้เข้ามาแจ้งความกังวลว่าอยู่ตรงไหน มีปัญหาอะไร และมีข้อเสนอหรือมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร เพื่อที่จะได้รวบรวมเป็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเพื่อประกอบการตัดสินใจต่อไป

    ส่วนผลการศึกษาข้อดี ข้อเสียในการเข้าร่วม TPP ของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ที่ได้มีการศึกษาในเบื้องต้นเสร็จแล้วนั้น ได้ขอให้ไปปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัย เพราะผลการศึกษาได้ยึดข้อมูลเดิมก่อนที่สมาชิก TPP ทั้ง 12 ประเทศ จะได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน โดยรายละเอียดในข้อตกลงบางประเด็นได้มีการปรับปรุงใหม่ จึงต้องมีการศึกษาใหม่ให้สอดคล้องกับข้อตกลงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

    สำหรับผลการศึกษาของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ในเบื้องต้น พบว่า หากไทยเข้าร่วม TPP จะเกิดผลดีกับไทยมากกว่าผลกระทบ โดยจะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยมีการขยายตัวได้เพิ่มขึ้น และยังช่วยยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าและบริการของไทยให้สูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ รวมทั้งช่วยในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย โดยที่นักลงทุนจะยังคงใช้ไทยเป็นฐานในการลงทุนต่อไป ไม่หันไปลงทุนในประเทศคู่แข่ง

    ส่วนผลกระทบที่จะมีต่อภาคการเกษตร ล่าสุดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รายงานว่ามีมาตรการที่จะดูแลข้อกังวลของกลุ่มเกษตรกร ซึ่งมีความเป็นห่วงว่าจะถูกผูกขาดเมล็ดพันธุ์พืชใหม่ โดยกระทรวงเกษตรฯ มีการเตรียมความพร้อมด้วยการจัดตั้งศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ในทุกภูมิภาค เพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์ราคาถูกและมีคุณภาพมาจำหน่าย รวมทั้งจะมีการปรับปรุง พ.ร.บ.พันธุ์พืช ให้มีการจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชของไทย ป้องกันปัญหาต่างชาติมาแอบใช้พันธุ์พืชของไทย.

ที่มา ไทยโพสต์

NEWS & TRENDS