สถาบันอาหาร ชี้ค้าปลีกอาหารในซาอุฯ แนวโน้มดี

สถาบันอาหาร เผยซาอุดิอาระเบียไฟเขียวส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ 100% ในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง เชื่อค้าปลีกอาหารได้รับอานิสงส์เติบโตสูง คาดปี 2559 การบริโภคอาหารในประเทศจะมีมูลค่าอยู่ที่ 113,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2560 ยอดขายปลีกอาหารจะแตะอยู่ที่ 45,000 ล้านดอล..



    สถาบันอาหาร เผยซาอุดิอาระเบียไฟเขียวส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ 100% ในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง  เชื่อค้าปลีกอาหารได้รับอานิสงส์เติบโตสูง คาดปี 2559 การบริโภคอาหารในประเทศจะมีมูลค่าอยู่ที่ 113,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  และในปี 2560 ยอดขายปลีกอาหารจะแตะอยู่ที่  45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ทั้งแนวโน้มจำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคนในปี 2568  แนะผู้ประกอบการไทยควรจับตลาดสินค้าคุณภาพสูง เน้นอาหารพร้อมทานจำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ ไฮเปอร์      มาร์เก็ต ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบ และหนุ่มสาวที่มีกำลังซื้อสูง ย้ำอย่าละเลยสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง

            นายยงวุฒิ  เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจ ค้าปลีกอาหารในซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็น 1 ใน 6 ของกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับหรือ GCC (ซาอุดิอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน) พบว่า 

    ซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่มีการบริโภคอาหารมากที่สุดในกลุ่มประเทศ GCC  หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณการบริโภคอาหารทั้งหมด สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของประชากรในประเทศ โดยมีจำนวนประชากรเกือบ 2 เท่าของสมาชิกที่เหลืออีก 5 ประเทศรวมกัน ทั้งยังเป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารและการเกษตรรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศ GCC คือราวร้อยละ 80 ของความต้องการบริโภคในประเทศ 

    คาดการณ์ว่าซาอุดิอาระเบียจะมีประชากรประมาณ 40 ล้านคนในปี 2568 ด้วยอัตราการเติบโตร้อยละ 3 ต่อปี นอกจากนี้ จากการเติบโตทางเศรษฐกิจช่วยให้รายได้ต่อหัวของคนในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ  ทำให้มีการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต และมีความต้องการการบริโภคสินค้าอาหารที่มีคุณภาพสูงมากขึ้น ในปี 2559 คาดการณ์ว่าการบริโภคอาหารในประเทศจะมีมูลค่าอยู่ที่ 113,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเพิ่มขึ้นของประชากรในวัยหนุ่มสาวของสังคมซาอุดิอาระเบียเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มความต้องการบริโภคอาหารสำเร็จรูปที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ประกอบกับสังคมเมืองในซาอุดิอาระเบียที่มีชีวิตรีบเร่ง ผู้บริโภคจึงนิยมซื้ออาหารพร้อมทานหรืออาหารที่นำกลับไปรับประทานที่บ้านจากซูเปอร์มาร์เก็ต หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต หรือนิยมรับประทานอาหารนอกบ้านแทน

    ปัจจุบันจำนวนไฮเปอร์มาร์เก็ตในซาอุดิอาระเบียยังมีค่อนข้างน้อยหรืออยู่ที่ประมาณ 220 แห่ง  ส่วนร้านสะดวกซื้อมีอยู่ประมาณ 39,540 แห่ง  มีสัดส่วนยอดขายคิดเป็นร้อยละ 22 ร้อยละ 23 และร้อยละ 55 ของยอดขายปลีกอาหารทั้งหมดตามลำดับ 

    จากการขยายตัวของร้านค้าปลีกโดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ต คาดการณ์ว่าในปี 2560 ยอดขายปลีกอาหารจะแตะอยู่ที่  45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายของภาครัฐ โดยองค์กรส่งเสริมการลงทุนแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย (Saudi Arabian General Investment Authority - SAGIA) ได้ออกกฎระเบียบใหม่ โดยอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติมีกรรมสิทธิ์ 100% ในธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งซาอุดิอาระเบีย โดยจะเริ่มใช้ในปี 2559 ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในซาอุดิอาระเบียมากยิ่งขึ้น ย่อมส่งผลดีในหลายๆด้าน เช่น การปรับโครงสร้างของภาคธุรกิจในซาอุดิอาระเบีย การเพิ่มผลผลิต การเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเพิ่มโอกาสในการจ้างงานของคนในซาอุดิอาระเบีย

     “สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจนำสินค้าอาหารเข้าสู่ตลาดซาอุดิอาระเบีย ควรเป็นสินค้าอาหารพร้อมทานที่มีความสะดวกและง่ายในการรับประทาน อีกทั้งควรวางจำหน่ายในช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ เพราะเป็นช่องทางหลักที่ผู้โภคในเมืองเลือกซื้อสินค้า ทั้งนี้ควรตั้งราคาจำหน่ายให้ใกล้เคียงกับประเทศที่ส่งสินค้าไปขายในภูมิภาคนี้ เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และสิงค์โปร์ เน้นผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ และมองหาสินค้าที่มีคุณภาพสูง 

    และจากจำนวนประชากรในวัยหนุ่มสาวที่เพิ่มจำนวนขึ้นในกลุ่มประเทศGCC ทำให้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook และ Twitter      มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงควรให้ความสนใจกับช่องทางนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ในสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง และเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าได้อีกทางหนึ่ง  อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการไทยควรศึกษากฎระเบียบการส่งออกสินค้าอาหารไปยังกลุ่มประเทศ GCC เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างส่งออกสินค้า เช่น เอกสารและหนังสือรับรองที่ต้องใช้ในการนำเข้าสินค้า ระบบการควบคุมสินค้าอาหารตามระดับความเสี่ยง ระบบการขนส่งสินค้า การสุ่มตัวอย่างสินค้าอาหาร และการติดฉลากสินค้าอาหาร

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

NEWS & TRENDS