สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นำคณะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยกว่า 40 ราย เปิดตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก พร้อมบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับ Dubai SME ที่จะเป็นตัวกลางให้กับผู้ประกอบการทำการค้าขายระหว่างกัน
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นำคณะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยกว่า 40 ราย เปิดตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก พร้อมบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับ Dubai SME ที่จะเป็นตัวกลางให้กับผู้ประกอบการทำการค้าขายระหว่างกัน
"สาลินี วังตาล" ผู้อำนวยการ สสว.กล่าวว่า การเข้าร่วมกิจกรรมการเจรจาการค้า และงานแสดงสินค้าและบริการ ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกรุงมัสกัต รัฐสุลต่านโอมาน ระหว่างวันที่ 6-15 พฤษภาคม 2559 ผ่านมานั้น ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด เนื่องจากสินค้าไทยได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
โดยในงานเจรจาการ ค้าที่ดูไบมีผู้ซื้อชาวดูไบและประเทศข้างเคียง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย และคูเวตเข้าร่วมงานกว่า 100 ราย ทั้งยังเกิดการซื้อขายระหว่างกันทันที โดยผู้ซื้อชาวดูไบสนใจสั่งซื้อมะพร้าวจากไทยเป็นจำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ พร้อมทำสัญญาต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 1 ปี นอกจากนี้ ยังมีผลไม้แปรรูปอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมเช่นกัน อาทิ มะม่วงอบแห้ง, ทุเรียนอบแห้ง, กล้วยแปรรูป และอื่นๆ
"ขณะที่สินค้าประเภทเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สปา อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้า สิ่งทอ เครื่องหนัง และจิวเวลรี่ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดนี้ และในส่วนของสินค้าพิเศษเฉพาะกลุ่ม อาทิ กล้วยไม้สด, ถังแก๊ส และเคมีภัณฑ์ ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าใหม่สำหรับตลาดดูไบก็ยังเป็นที่ต้องการ โดย สสว.จะส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสของเอสเอ็มอีไทยในอนาคต"
"สาลินี" กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมกิจกรรมการเจรจาการค้า และงานแสดงสินค้า และบริการในครั้งนี้ สสว.ยังนำผู้ประกอบการค้าข้าวชนิดต่างๆ จากประเทศไทย อาทิ ข้าวหอมมะลิ, ข้าวไรซ์เบอรี่, ข้าวหัก มาร่วมการเจรจาการค้าด้วย ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน และคาดว่าจะมีการเจรจา และสั่งซื้อในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ในส่วนของสินค้าและบริการด้านการศึกษา ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสในดูไบ เพราะประชากรในวัยเรียนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และแม้จะมีโรงเรียนจำนวนมากแต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยล่าสุดธุรกิจการศึกษา Smart Brain มีการลงนามข้อตกลงที่จะเปิดสาขาในดูไบ และจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่จากประเทศไทยไปฝึกสอนเพื่อเตรียมเปิดสาขาอย่าง เป็นทางการอีกด้วย
"นอกจากนี้ สสว.ยังมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารจาก Dubai SME ที่เป็นหน่วยงานกำกับดูแล และส่งเสริมเอสเอ็มอีในดูไบ ซึ่งภายหลังจากการประชุมมีการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือที่จะเป็นตัวกลางให้ กับผู้ประกอบการได้ทำการค้าขายระหว่างกัน"
"ตลาดดูไบถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูง เพราะประชากรกำลังขยายตัว ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 3 แสนกว่าคน โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มคนที่มีอายุน้อยและที่อยู่ในวัยทำงานจำนวนมาก และมีประชากรแฝงอีกถึง 8 ล้านคนที่มาใช้แรงงานและเป็นนักธุรกิจในดูไบ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจก่อสร้าง ที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ และห้างสรรพสินค้าประเภท Mega Mall สินค้าเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงสินค้าเครื่องใช้ของตกแต่งภายในบ้านด้วย"
สำหรับผลจากการเจรจาการค้าครั้งนี้ นอกจากข้อตกลงธุรกิจเบื้องต้นแล้ว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยยังได้เรียนรู้การตั้งราคาขายว่าในปัจจุบันการ กำหนดราคาขายนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้ซื้อเป็นสำคัญ
จึงนับเป็นการเปิดตลาดให้สินค้าเอสเอ็มอีไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมทั้งการทำให้เกิดการเจรจาซื้อขายสินค้า และการบรรลุข้อตกลงในการเป็นตัวกลางให้กับผู้ประกอบการทำการค้าขายระหว่าง กันได้อย่างเป็นรูปธรรม
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์