ททท.จัด TTM+ ปีที่ 15 เปิดเวทีการค้าเพื่อผู้ประกอบการ B2B

ททท. จัด TTM+ ปีที่ 15 เปิดเวทีการค้า B2B โชว์ศักยภาพการท่องเที่ยวไทยและลุ่มน้ำโขง ภายใต้ธีม Smile with us

ททท. จัด TTM+ ปีที่ 15 เปิดเวทีการค้า B2B โชว์ศักยภาพการท่องเที่ยวไทยและลุ่มน้ำโขง ภายใต้ธีม “Smile with us”

    
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน “Thailand Travel Mart Plus (TTM+) พลัส 2016” ระหว่างวันที่  8-10 มิถุนายน 2559  ณ ศูนย์การประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ สานความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวสู่ประเทศภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และรักษาศักยภาพการจัดงานด้านเทรดโชว์นานาชาติที่ยิ่งใหญ่ประจำปี เพื่อเป็นเวทีหลักสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการโดยเฉพาะในแบบ Business to Business หรือ B2B ได้เจรจาทางธุรกิจโดยอาศัยความร่วมมืออย่างแข็งขันจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมนำเสนอสินค้าบริการภายใต้ธีม “Smile with us” ซึ่งเป็นแนวคิดการจัดงานในปีนี้ 
 

     
งาน Thailand Travel Mart Plus Amazing Gateway to the Greater Mekong Subregion หรือ TTM+ เป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวลักษณะ Business to Business (B2B) ที่จัดขึ้นประมาณต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี เริ่มจัดครั้งแรกตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2544 โดยความร่วมมือระหว่าง ททท. สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TCT)  สมาคมโรงแรมไทย (THA)  สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA)  สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติไทย (TICA)  สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (TEATA) และธุรกิจท่องเที่ยวภาคเอกชน 
      งานTTM+ ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 15 เป็นเวทีให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทย และผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท  บริษัทนำเที่ยวและตัวแทนจำหน่ายด้านการท่องเที่ยว สมาคมด้านการท่องเที่ยว สวนสนุก สนามกอล์ฟ และธุรกิจบันเทิง ฯลฯ  ให้แก่ผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั่วโลกได้ซื้อขาย โดยเป็นการจัดงานในรูปแบบของการนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีอยู่และสินค้าบริการใหม่ ๆ รับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นด้านธุรกิจ รวมทั้งนำเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยว่าเป็นจุดเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วยกัมพูชา สปป.ลาว สหภาพพม่า เวียดนาม และมณฑลยูนนานและกว่างสี ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปีนี้  มีจำนวนการตอบรับของผู้ขายในประเทศ และผู้ประกอบการจากประเทศเพื่อนบ้าน        ในแถบลุ่มน้ำโขง รวมทั้งสิ้น 392 บูธ จาก 345 หน่วยงาน แบ่งเป็นผู้ขายที่เคยร่วมงานเป็นครั้งแรก  98 ราย  และเคยร่วมงานแล้ว 247ราย  ในจำนวนนี้เป็นประเทศกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 14 หน่วยงาน  ส่วนผู้ซื้อจากต่างประเทศเข้าร่วมงานจำนวน 305 ราย และ Trade visitor 100 ราย (55 ประเทศ)  และเป็นผู้ซื้อรายใหม่จำนวนมาก  อาทิ ยุโรปตะวันออก  กลุ่ม CIS  อเมริกาใต้ และเนปาล ขณะที่ผู้ซื้อที่เป็น 5  อันดับแรก จากตลาดหลักเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ได้แก่ จีน สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย อิตาลี และ อินเดีย           
สำหรับไฮไลท์ภายในงาน ททท. ได้จัดสัมมนาเพื่อนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวในหัวข้อ “Sports Tourism Presentation” โดยได้รับเกียรติจากนางกอบกาญจน์  วัฒนวรางกูร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้บรรยาย และ หัวข้อ  “ASEAN Brand..Stronger Together” โดย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนเป็นผู้บรรยาย  ในวันที่ 8 มิถุนายน 2559   นอกจากนี้  ยังได้รับเกียรติจากองค์กรการท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมแถลงข่าวความร่วมมือในฟอรั่ม “CLMVT link : Prosper together” เพื่ออัพเดทสินค้าท่องเที่ยวและกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศไทย  เมียนมาร์  สปป.ลาว  เวียดนาม และกัมพูชา  ในวันที่ 9 มิถุนายน 2559
        
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำการรับรู้ถึงความพร้อมของสินค้าท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทย ททท. ได้จัดกิจกรรมสำรวจสินค้าด้านท่องเที่ยวเพื่อเป็นอภินันทนาการให้แก่คณะผู้ซื้อจากต่างประเทศ  ก่อนเข้าร่วมงานที่สื่อถึงวัฒนธรรม วิถีไทยอย่างเด่นชัดในหลากหลายเส้นทางให้เลือก เช่น  ถนนสายอาหารและถนนคนเดินยามค่ำคืน สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์  กิจกรรมผจญภัย Flight of the Gibbon  และการปั่นจักรยานท่องเที่ยวเวียงกุมกาม ในจังหวัดเชียงใหม่   และหลังจากเสร็จสิ้นการเจรจาซื้อขายในวันที่ 10 มิถุนายน 2559 แล้ว  ททท. ได้ยังจัด Fam Trip ในจังหวัดต่างๆ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อและสื่อมวลชนจากต่างประเทศจำนวนมากร่วมเดินทาง  อาทิ เชียงใหม่  ลำปาง  ลำพูน  และภูเก็ต  เป็นต้น ซึ่งภาพบรรยากาศจากพื้นที่จริงระหว่างการท่องเที่ยวในเมืองไทยของกลุ่มผู้ซื้อดังกล่าว  จะช่วยย้ำในการสื่อสารสร้างความมั่นใจว่าสถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวภายในบ้านเรายังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง