นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง 'From Thailand 4.0 to SMEs 4.0' ในงานเสวนา 'สานพลังประชารัฐ พลิกโฉม SMEs สู่สากล'
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง 'From Thailand 4.0 to SMEs 4.0' ในงานเสวนา 'สานพลังประชารัฐ พลิกโฉม SMEs สู่สากล'
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง 'From Thailand 4.0 to SMEs 4.0' ในงานเสวนา 'สานพลังประชารัฐ พลิกโฉม SMEs สู่สากล' วันอังคารที่ 21 มิถุนายน 2559 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิล์ด จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเน้นย้ำการผนึกกำลังประชารัฐภาคเศรษฐกิจ สนับสนุน Thailand 4.0 พร้อมเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะสถาบันการเงินในการสนับสนุน SMEs สู่ตลาดโลก
ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นเรื่องการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาผู้ส่งออกใหม่ โดยดึงหน่วยงานพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาเสริมทัพในการพัฒนาผู้ส่งออกให้ครบวงจรและสามารถวัดผลอย่างเป็นรูปธรรมได้
โครงการอบรมผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจส่งออก : SMEs Genius Exporter เป็นโครงการแรกที่มีการบูรณาการการทำงานระหว่าง 3 หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และบมจ. ธนาคาร กรุงไทย จัดฝึกอบรมเชิงลึกให้กับผู้ประกอบการ SMEs ที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 60 คน โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศรับผิดชอบการฝึกอบรมด้านการตลาดและการขาย การสร้างเครือข่ายเพื่อสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ และการฝึกปฎิบัติจริงในตลาดต่างประเทศ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมรับผิดชอบการฝึกอบรมด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบมจ. ธนาคารกรุงไทย รับผิดชอบการฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการการเงินและแหล่งทุน
นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า “นอกจากการกล่าวปาฐกถาพิเศษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบวุฒิบัตรให้กับผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมโครงการ “SMEs Genius Exporter” ซึ่งมีผู้เข้ารับวุฒิบัตรจำนวน 51 ราย ในธุรกิจ 8 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจการแพทย์ ธุรกิจพาณิชย์ และธุรกิจอาหารแปรรูป ทั้งนี้ในรุ่นที่ 1 ตลาดเป้าหมาย คือประเทศจีน และรุ่นที่ 2 ตลาดเป้าหมาย คือประเทศเมียนมา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2559”
