ม.กรุงเทพเปิดหลักสูตรปั้น SME ด้านแฟชั่นความงาม

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดมิติใหม่เปิดหลักสูตรปั้น SME(เอสเอ็มอี) ครั้งแรกของเอเชีย กับการบุกเบิกหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต เน้นด้านธุรกิจความงามและแฟชั่

 


  มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดมิติใหม่เปิดหลักสูตรปั้น SME(เอสเอ็มอี) ครั้งแรกของเอเชีย กับการบุกเบิกหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต  เน้นด้านธุรกิจความงามและแฟชั่น

  ผศ.ดร.เกษมสันต์ พิพัฒน์ศิริศักดิ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (เอ็มบีเอ) และกรรมการที่ปรึกษาบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า ปัจจุบัน ธุรกิจความงามและแฟชั่นนับว่ามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยมีมูลค่าตลาดรวมกันนับแสนล้านบาท มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มองเห็นศักยภาพการเติบโตของทั้งสองธุรกิจดังกล่าวซึ่งมีผู้ประกอบการจำนวนมาก แต่ปัจจุบันยังไม่มีสถาบันการศึกษาใดที่เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อพัฒนา SME กลุ่มนี้ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการปรับตัวรับมือกับกระแสการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

  “แทนที่คนไทยจะต้องเดินทางออกไปเรียนต่างประเทศ เรามองว่าในระยะยาวหากสามารถพลิก AEC ให้เป็นโอกาส SME สาขาธุรกิจความงามและแฟชั่นในเมืองไทยน่าจะบูม หลักสูตรนี้เปิดเป็นปีการศึกษาแรกและเป็นที่แรกของประเทศไทยและเอเชีย ซึ่งผู้ประกอบการหลายคนมีองค์ความรู้ด้านแฟชั่นและความงามอยู่แล้วแต่ยังขาดศักยภาพในการบริหารธุรกิจ”

  สำหรับกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาหลักสูตรนี้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ SME ที่ทำธุรกิจความงามและแฟชั่นอยู่แล้ว กลุ่มที่สอง คือ นักศึกษาที่จบทางด้านศิลปกรรมที่เน้นด้านแฟชั่น แต่ปริญญาตรีจะเน้นเรียนในเรื่องศาสตร์ของศิลป์อย่างเดียว แต่หลักสูตรนี้จะสอนการต่อยอดเอาศิลป์เหล่านี้ออกไปทำเงิน เพราะปัจจุบันมีศิลป์อย่างเดียว ธุรกิจก็อยู่ไม่รอด ต้องใช้ศิลป์บวกการตลาด  ส่วนกลุ่มที่สาม คือ คนที่เพิ่งค้นพบชีวิต หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรีไปตามกระแส 

  หลักสูตรเอ็มบีเอ เอสเอ็มอี สาขาธุรกิจความงามและแฟชั่น เป็นหลักสูตรเสาร์-อาทิตย์ ระยะเวลาการเรียนการสอน 1 ปีครึ่ง ค่าใช้จ่าย 1.9 แสนบาท เนื้อหาจะแบ่งออกเป็นหลักสูตร SME ทั่วไป โดยวิชาหลักจะมีทั้งด้านบัญชีและภาษี ซึ่งเป็นจุดที่ SME ไทยขาดแคลน รวมทั้งวิชาวางแผนทางการเงิน เพราะปัญหา SME ไทยที่เจอคือบริหารเงินไม่เป็น ทำให้ไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ เลยทำให้ธุรกิจต้องล้มเลิกไป โดยเฉพาะในภาวการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท SME เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
 
  “ดังนั้น เราจะมาปรับความคิดของเขาว่าหลังจากได้รับผลกระทบในเรื่องต้นทุน เขาควรจะมีแนวทางอย่างไรในการบริหารต้นทุน ซึ่งคณาจารย์ที่เราเชิญมาสอนก็จะเป็นคณาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการเงินส่วนบุคคล ขณะเดียวกันก็จะมีการเชิญอาจารย์จากภาคอุตสาหกรรมซึ่งประกอบวิชาชีพ SME แต่ได้รับคุณวุฒิสูง จบปริญญาเอกมาให้คำแนะนำ 

นอกจากนี้ ยังมีวิชาด้านการตลาด ซึ่ง SME ปัจจุบันยังขาดทักษะในเรื่องการตลาด ในขณะเดียวกันเราก็พบอีกว่าSME บางคนยังอยู่ในภาคอุตสาหกรรม ก็เลยเปิดในเรื่องของการผลิตให้เขาเรียนด้วย และที่ขาดไม่ได้คือ การวางแผนทรัพยากร ตบท้ายด้วยวิชาการวางแผนกลยุทธ์ในมุมมองของ SME จากนั้นจะให้เลือกวิชาเลือกที่ถนัด โดยทุกคนจะต้องทำโครงการเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองเรียนอยู่นั้นเอาไปใช้ได้จริง ซึ่งในส่วนสาขาธุรกิจความงาม จะเน้นในเรื่องการสร้างตราสินค้าให้ก้าวไปในระดับสากล 

ที่สำคัญเรายังจัดชั่วโมงให้คำปรึกษาจาก SME ตัวจริงที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านทรงผม ดร.สมศักดิ์ ชลาชล ให้เกียรติมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิธีการดำเนินธุรกิจ ส่วนสายแฟชั่นได้แก่ อ.พลพัฒน์ อัศวประภา เจ้าของแบรนด์ asava  ส่วนสายเครื่องสำอาง ความงาม ได้แก่ พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ จากกิฟฟารีนมาให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการทำธุรกิจ และการพัฒนาหลักสูตรด้วย
 

NEWS & TRENDS