รัฐหนุนโลจิสติกส์เอกชนใช้ไอทีเสริมแกร่ง

รัฐเตรียมผลักดันผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ดึงระบบไอทีเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ หวังเพิ่มขีดความสามารถรับมือ AEC

 


รัฐเตรียมผลักดันผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ดึงระบบไอทีเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ หวังเพิ่มขีดความสามารถรับมือ AEC

  นายธวัช ผลความดีรองอธิบดี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า แผนเชิงรุกของสำนักโลจิสติกส์ ในปี 56 จะผลักดันให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยมีการวางแผนและบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยนำระบบไอทีเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มีความแพร่หลาย เป็นการเพิ่มขีดความสามารถเพื่อรับมือการเปิดเสรีการค้า หรือ AEC ทั้งนี้สำนักโลจิสติกส์ได้ตั้งเป้าว่าภายในปี 56 จะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการต่างๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 400 ราย ลดต้นทุนบริหารจัดการในภาพรวมไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการต่างๆ จะเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเมื่อถึงเวลาเปิด AEC ในอีก 3 ปีข้างหน้า ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยต้องมีความแข็งแกร่งและได้เปรียบในจุดนี้ ต้องมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนลดลง

        ดังนั้น ทางสำนักโลจิสติกส์ในสังกัด กพร.จึงได้เร่งเดินหน้าโครงการมากกว่า 30 โครงการ ในปี 56 โดยใช้งบประมาณ 135 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีการวางแผนจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นใน 3 กลยุทธ์หลัก คือ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทั้งด้านเทคโนโลยี โดยการนำระบบไอทีเข้าไปใช้งานในการพัฒนาบุคลากรและเครื่องมือต่างๆ กลยุทธ์ต่อมา ซึ่งจะเป็นหัวใจหลักที่ต้องเร่งส่งเสริมมากขึ้น คือ ความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรม โดยจะนำระบบไอทีมาเชื่อมโยงข้อมูลการใช้ระบบไอทีดูแลระบบสินค้าคงคลัง และการสร้างมาตรฐานทางอุตสาหกรรมกลยุทธ์ที่ 3 คือ การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการต้นน้ำ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี ให้มีมาตรฐานและประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

        นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักโลจิสติกส์ (กพร.) กล่าวว่า โครงการปี 55 ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 355 ราย สามารถลดต้นทุนบริหารจัดการได้กว่า 1,600 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณ 85 ล้านบาท มีโครงการเด่นๆ เช่น โครงการ ebXMLสร้างระบบส่งข้อมูลมาตรฐานระหว่างกัน โครงการ backhaul บริหารจัดการขนส่งรถเที่ยวเปล่า ซึ่งโครงการต่างๆ ได้ดำเนินการต่อในปี 56 เพื่อต่อยอดถึงความสำเร็จ

        สำหรับในปี 56 สำนักโลจิสติกส์จะให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม โดยใช้ระบบไอทีเพื่อให้การวางแผนและบริหารจัดการโลจิสติกส์เป็นไปแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเป็นการลดข้อผิดพลาด และลดการใช้งานแรงงานคนในส่วนที่ไม่จำเป็น เนื่องจากปัจจุบันมีการเพิ่มค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนในอุตสาหกรรม การใช้ระบบไอทีจะมีส่วนช่วยได้มากหากมีความร่วมมือกันระหว่างอุตสาหกรรมต้นน้ำถึงปลายน้ำ จะทำให้การวางแผนการดำเนินงานง่ายทั้งระบบ

ที่มา : บ้านเมือง

 

NEWS & TRENDS