นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ณ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ถนนราชดำเนินนอก (เมื่อ 21 ธ.ค.) เกี่ยวกับสถานการณ์ท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีประเด็นน่าสนใจคือ การตั้งเป้าปี 2560 ประเทศไทยจะเป็น 5 ศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ย..
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (รมว.กก.) แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ณ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ถนนราชดำเนินนอก (เมื่อ 21 ธ.ค.) เกี่ยวกับสถานการณ์ท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีประเด็นน่าสนใจคือ การตั้งเป้าปี 2560 ประเทศไทยจะเป็น 5 ศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวในอาเซียน ด้วย 5 กิจกรรมหลัก เน้นสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น เพิ่มวันพัก สร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในปีหน้านี้มีเป้าหมายหลักที่เราจะสร้างการท่องเที่ยวไทยให้เป็นศูนย์กลาง 5 อย่างในด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical &Wellness) การจัดงานแต่งงาน (Wedding & Romance) เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก World Wedding Congress ในเดือนพฤษภาคมที่ภูเก็ตการท่องเที่ยวทางน้ำ (Maritime Tourism) และ การท่องเที่ยวเชื่อมโยง (ASEAN Connect) ทั้งทางรถ มีด่านเชื่อมชายแดนเปิดด่าน ทางเรือ มีท่าเรือที่รองรับเรือยอช์ทเรือสำราญ และเปิดเส้นทางเชื่อมโยง เมืองท่องเที่ยวชายทะเล เช่น ภูเก็ต สีหนุวิล (กัมพูชา) และฟูก๊วก (เวียดนาม) เป็นต้น ทางอากาศ มีการเพิ่มเที่ยวบินเชื่อมโยง จากเมืองหลักสู่เมืองรองในกลุ่ม CLMV มากยิ่งขึ้น โดยได้รับความรวมมือจากสายการบินต่างๆ
นางกอบกาญจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยกลยุทธ์ Local Experience ที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีถิ่นแบบไทยๆ โดยจะมุ่งเน้นไปยัง 5 กิจกรรมการท่องเที่ยวหลักเรื่อง 70 เส้นทางตามรอยพระบาท (Royal Project) การท่องเที่ยวทางรถไฟ (Train Tourism), การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Sports for ALL), การท่องเที่ยวภาคค่ำ (Night Tourism), และการจัดประชุมสัมมนา (MICE) เป็นต้น
ช่วงใกล้ปีใหม่นี้อยากเชิญชวนคนไทยท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ ที่เรียกว่า การท่องเที่ยวเชิงกีฬา Sports Tourism ฟิตร่างกายอุ่นรับลมหนาวข้ามปี เพราะขณะนี้กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวไทย โดยดูได้จากข้อมูลล่าสุดในการจัดการแข่งขัน เมืองไทยเชียงใหม่มาราธอนที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2559 ซึ่งพบว่า จำนวนผู้สมัครรวมทั้งหมดทุกระยะทางกว่า 11,000 คน เทียบกับปีที่แล้ว
6,200 คน เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 78
มีนักวิ่งนานาชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้รวม 53 ประเทศ จำนวน 2,811 คน 5 อันดับชาวต่างชาติ อันดับ 1 จีน 1,461 คน อันดับที่ 2 มาเลเซีย 418 คน อันดับที่ 3 สิงคโปร์ 225 คน อันดับที่ 4 ญี่ปุ่น 119 คน และอันดับที่ 5 อินโดนีเซีย 107 คน มีนักวิ่งชาวไทย 8,189 คน ซึ่งมีนักวิ่งชาวไทยต่างถิ่น จำนวน 6,759 คน ก่อให้เกิดการท่องเที่ยวข้ามภาคอีกด้วย
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า สำหรับกระแสของชาวจีนนั้น มีข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยว(ททท.)ในจีนได้ร่วมกับบริษัทนำเที่ยวในจีนขายเพคเกจเชียงใหม่มาราธอน โดยในครั้งนี้มีนักวิ่งชาวจีนซื้อแพคเกจมาวิ่งจำนวน 1,754 คน นอกจากนี้ยังมีครอบครัวเป็นผู้ติดตามมาเชียร์และเที่ยวด้วย ซึ่งรวมผู้ติดตามด้วยแล้วเป็นจำนวนประมาณ 2,000 คน
“การท่องเที่ยวแบบ Sports Tourism ให้อะไรมากกว่าที่คิดเพราะมีประโยชน์หลายด้านและกระทรวงท่องเที่ยวกำลังเร่งส่งเสริมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้จัดกิจกรรม เป็นประโยชน์ทั้งในเรื่องสุขภาพคือการได้ออกกำลังกาย เป็นประโยชน์ในการฝึกน้ำใจนักกีฬา หากเป็นการวิ่งพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ก็จะเป็นการปลูกฝัง ความรักความสัมพันธ์ให้กับคนในครอบครัวอีกด้วย รวมทั้งมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาพักเมืองไทยนานขึ้นหากมาด้วยโปรแกรมSports Tourism” นางกอบกาญจน์ กล่าว
ในปี 2560 นี้ มีโปรแกรมการวิ่งมาราธอนที่อยากเชิญชวนให้คนไทยและต่างชาติมาร่วมกิจกรรมวิ่งมาราธอนที่จัดขึ้นในสนามต่างๆ ทั่วประเทศ ใน 3 เดือนแรกของปีมีกำหนดการแล้วเกือบ 100 รายการ ตั้งแต่เดือน มกราคม (47 รายการ), กุมภาพันธ์ (43 รายการ), และ มีนาคม (9 รายการ) มีรายการที่นักกีฬาต่างชาติมาร่วมแข่งขันเป็นประจำ เช่น The 19th Amari Watergate Bangkok Midnight Run21 มกราคม 2560 ณ โรงแรม Amari กรุงเทพฯ ,The North Face 100 Thailand 2017 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ปากช่อง และ กรุงเทพมาราธอน BDMS BANGKOK MARATHON 2016 ถนนอุทยาน (อักษะ) วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้น

จากรายงานสถานการณ์ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวขยายตัว ในวันที่ 1-18 ธันวาคม 2559 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางมาประเทศไทยจำนวน 1,649,901 คน ขยายตัวร้อยละ 0.63 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดรายได้จากนักท่องเที่ยว 87,052.23 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.70 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสม จำนวน 31.18 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ 1.56 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 9.26 และ 12.98 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามลำดับ
ในช่วงวันหยุดยาวเดือนธันวาคมนี้ ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวโครงการพระราชดำริ "70 เส้นทางตามรอยพระบาท" ทั้งที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นจำนวนมาก เช่น ที่โครงการประตูน้ำคลองลัดโพธิ์ จ. สมุทรปราการ , ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ. นครนายก มีคน ไปเที่ยวจำนวนมากว่าเดิม 2-3 เท่าตัว, โครงการชั่งหัวมัน อ. ท่ายาง จ. เพชรบุรี ในช่วง1 -20 ธันวาคม นี้ มีคนเดินทางมากว่า 25,000 คนแล้ว และที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีคนมาเยี่ยมชม ในเดือน ตุลาคม และ พฤศจิกายน จำนวน 14,136 คน และ 23,023 คนตามลำดับ คาดว่าในเดือนธันวาคมจะมีผู้เยี่ยมชมไม่ต่ำกว่า 30,000 คน โดยเฉพาะโครงการในภาคเหนือ
อย่างไรก็ตาม โปรแกรมการท่องเที่ยวแบบ Luxury Tourism เพื่อสร้างการท่องเที่ยวคุณภาพให้ประเทศไทยเป็น Quality Leisure Destination สานความฝันให้ประเทศไทยเป็นแคริบเบียนแห่งที่สอง และ Marina Hub สำหรับเรือ Yacht และ Super Yacht (เรือที่มีขนาดใหญ่กว่า 30 เมตรขึ้นไป) จากการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า ไทยแลนด์ ยอชท์ โชว์ ครั้งที่ 2 ที่ภูเก็ตเมื่อวันที่ 15-18 ธันวาคม ที่ผ่านมา พบว่ามีเรือขนาดใหญ่มาร่วมงานมากขึ้นกว่า 15 ลำ โดยเป็นครั้งแรกที่มีเรือ Super Yacht ขนาดใหญ่ 90 เมตรเข้ามาจอดที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นสัญญานที่ดีในการยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้เป็น Quality Leisure Destination อีกด้วย ตลอดการจัดงานทั้ง 4 วันมีผู้เข้าชมงานกว่า 6,000 คน คาดว่าเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 60 – 100 ล้านบาท
ส่วนมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปนั้น จะมีการพัฒนามาตรฐานการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยเน้นผู้ประกอบการที่มี 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ กูกกฏหมาย, สะอาด, ปลอดภัย และราคาที่เป็นธรรมคุ้มค่าของเงิน