ผู้บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ได้สิทธิลดหย่อนภาษี 1.5 เท่า

ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ทางภาคใต้ ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก จนมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับเงินบริจาค และรับบริจาคสิ่งของ เพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยนั้น


ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ทางภาคใต้ ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก จนมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับเงินบริจาค และรับบริจาคสิ่งของ เพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยนั้น 
          
นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร ชี้แจงว่า "กระทรวงการคลังได้มีมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ ให้สิทธิผู้บริจาคสามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่ได้บริจาคระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 มาหักเป็น ค่าลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้ 1.5 เท่า โดย
          
1. เป็นการบริจาคให้แก่ผู้รับบริจาคที่เป็น
          - ส่วนราชการ มูลนิธิ องค์การหรือสถานสาธารณกุศลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
          - ตัวแทนรับบริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ที่ได้ขึ้นทะเบียนแจ้งขอเป็นตัวแทนรับบริจาคกับกรมสรรพากร เช่น สถานีโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุ
          
2. ผู้บริจาคมีสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายดังนี้
          - บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงิน สามารถนำจำนวนเงินดังกล่าวไปหักลดหย่อนในการคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 1.5 เท่า แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมิน
          
หลังหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อน และใช้สำหรับการหักลดหย่อนของปีภาษี 2560 ที่จะต้องยื่นรายการ ภายในเดือนมกราคม - มีนาคม 2561
          - บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สิน สามารถนำจำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาคไปหักเป็นรายจ่ายได้ 1.5 เท่า แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์แล้วต้องไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ 
          
3. หลักฐานการรับบริจาค ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560
          - หลักฐานการรับเงิน หรือทรัพย์สิน ที่มีข้อความระบุว่าเป็นโครงการหรือเป็นการบริจาค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยอาจระบุช่วงเวลาที่เกิดอุทกภัยไว้ด้วย
          - หลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในช่วงระยะเวลาที่เกิดอุทกภัย ซึ่งพิสูจน์ผู้โอนและผู้รับโอนได้
          
มาตรการภาษีดังกล่าวนอกจากจะเป็นการช่วยบรรเทาภาระภาษีแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้ มีการบริจาคเพื่อระดมความช่วยเหลือและฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย และทำให้ทุกภาคส่วน มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมในเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศขณะนี้"
          
ผู้ที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกพื้นที่ และ ศูนย์สารนิเทศสรรพากร โทร.1161
 

NEWS & TRENDS