นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้าน เพื่อพัฒนาร้านค้าประชารัฐให้มีความเข้มแข็ง โดยภายในเดือนพ.ค.นี้ จะคัดเลือกร้านค้าที่มีความแข็งแรง 1,000 ร้านค้ามาอบรม ในช่วง 4-5 เดือนนับจากนี้ เพื่อให้ภายในสิ้นปีนี้มีร้านค้าต้นแบบ 200-500 ร้าน ..
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้าน เพื่อพัฒนาร้านค้าประชารัฐให้มีความเข้มแข็ง โดยภายในเดือนพ.ค.นี้ จะคัดเลือกร้านค้าที่มีความแข็งแรง 1,000 ร้านค้ามาอบรม ในช่วง 4-5 เดือนนับจากนี้ เพื่อให้ภายในสิ้นปีนี้มีร้านค้าต้นแบบ 200-500 ร้าน (แฟรนไชส์ซอร์) จากนั้นในปีหน้า จะเพิ่มเป็น 2,000 ร้านค้า และภายใน 3 ปี น่าจะมีร้านค้าที่แข็งแรง 10,000 ร้านค้า จากทั้งหมดที่มี 19,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ ตามนโยบายโลโค อีโคโนมิกต่อไป
“กระทรวงพาณิชย์มีความพร้อมในการจัดอบรมต่าง ๆ และได้เตรียมจัดอบรมหลักสูตรให้กับ ร้านค้าประชารัฐ ด้านการพัฒนาร้านค้าให้มีคุณภาพ สร้างการรับรู้ และความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ สร้างจุดแข็งของร้าน เพื่อให้ชุมชนมีความเข็มแข็ง และแข็งขันได้ ขณะที่สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ก็มีงบประมาณ และปีที่ผ่านมา ก็ได้ตั้งร้านค้าชุมชนไปแล้วกว่า 19,000 แห่ง ปีนี้ก็ต้องต่อยอด ให้ร้านค้าเหล่านั้นแข็งแรง ให้สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืน อนาคตก็จะเชื่อมโยง หรือขยายต่อไปสู่ตลาดกลางชุมชนได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดีผมต้องการให้โครงการนี้ เห็นเป็นรูปธรรมให้ได้โดยเร็ว เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและประชาชนในพื้นที่ ที่สำคัญ สินค้าที่จะจำหน่ายใน ร้านค้าประชารัฐนั้น ส่วนหนึ่งก็จะเป็นสินค้าธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าราคาถูกได้ เชื่อว่าหลังจากนี้น่าจะเห็น ร้านค้าประชารัฐ เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่พัฒนาร้านค้าชุมชนเป็นร้านค้าประชารัฐ จะทำให้ชุมชนมีสถานที่จำหน่ายสินค้าของชุมชน ซึ่งจะจำหน่ายทั้งสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และสินค้าจากโครงการธงฟ้าประชาชน ที่จะจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกกว่าท้องตลาดไปให้จำหน่าย ทำให้เศรษฐกิจชุมชนมีการขับเคลื่อน เกษตรกร ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะผลักดันให้ร้านค้าชุมชนเป็นสถานที่รวบรวมผลผลิตของชุมชน และกระจายไปยังตลาดกลาง เพื่อนำผลผลิตออกสู่ตลาดนอกพื้นที่ และมีแผนที่จะจัดให้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างตลาดด้วยกัน เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่าย เพราะสินค้าในแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน
