แบงก์ยืนยันคุมเข้มปล่อยกู้ SMEs

นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งมีการดึงลูกค้าเอสเอ็มอี โดยเฉพาะการรีไฟแนนซ์เงินกู้ โดยใช้วิธีคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำและให้วงเงินสูง 3 เท่าว่า ไม่ใช่เรื่องทีดี เพราะควบคุมการใช้เงินยากจึงจำเป็นต้องระวังการปล่อยกู้เกินความสามารถ และตรวจสอบยากไม่เหมือนบริษัทขนาดใหญ่ที่มีงบการเงินชัดเจน ซึ่งขณะนี้กลุ่มเป้าหมายที่มีการรีไฟแนนซ์ในตลาดและแข่งกันมากคือกลุ่มลูกค้าที่มียอดขาย 15-30 ล้านบาท

 


นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารพาณิชย์บางแห่งมีการดึงลูกค้าเอสเอ็มอี โดยเฉพาะการรีไฟแนนซ์เงินกู้ โดยใช้วิธีคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำและให้วงเงินสูง 3 เท่าว่า ไม่ใช่เรื่องทีดี เพราะควบคุมการใช้เงินยากจึงจำเป็นต้องระวังการปล่อยกู้เกินความสามารถ และตรวจสอบยากไม่เหมือนบริษัทขนาดใหญ่ที่มีงบการเงินชัดเจน ซึ่งขณะนี้กลุ่มเป้าหมายที่มีการรีไฟแนนซ์ในตลาดและแข่งกันมากคือกลุ่มลูกค้าที่มียอดขาย 15-30 ล้านบาท

สำหรับการทำตลาดในปีหน้านั้น เน้นลูกค้าต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการวงเงินจริง เพราะลูกค้าในกรุงเทพฯ เริ่มถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งเน้นลูกค้าราย่อย เช่น รับเหมาก่อสร้าง และภาคเกษตร หลังจากที่กลุ่มส่งออกได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรป ส่วนลูกค้ารีไฟแนนซ์ของธนาคารในปัจจุบันมีบางส่วน แต่เน้นคุณภาพมากกว่า โดยธนาคารจะมีการตรวจสอบลูกค้าที่มีความเสี่ยงปีละ 4 ครั้ง และถ้าไม่เสี่ยงมากตรวจสอบปีละครั้ง รวมถึงดูข้อมูลเครดิตบูโรประกอบการพิจารณาสินเชื่อด้วย

“ยอดปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อประมาณ 30% หลังจากที่มีการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ถือว่ามีความเข้มงวด ส่วนปีหน้าการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาททำให้ต้นทุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเพิ่ม ซึ่งแนะนำให้เพิ่มคุณภาพการผลิต และปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่”

นายศิริชัย สมบัติศิริ รองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การแข่งขันปล่อยสินเชื่อมีความรุนแรงเหมือนเดิม และปัจจุบันลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น เพราะสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์มีสัดส่วนที่สูงทำให้ธนาคารพาณิชย์บางแห่งมีการตัดราคาเพื่อให้ได้ลูกค้า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในระบบการเงินอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งในส่วนของธนาคารมีความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ โดยมีการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรปีละครั้ง และประเมินผลกลุ่มลูกค้าในแต่ละกลุ่มภาวะวิกฤตอย่างน้อย1ปี เพื่อดูฐานะของลูกค้า โดยเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ส่วนเอ็นพีแอลของธนาคารอยู่ที่ 1%

NEWS & TRENDS