สศอ. ชี้ เทรนด์อาหารวีแกนมาแรง แนะผู้ประกอบการไทยพัฒนาการผลิตสินค้ารองรับ

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ร่วมจับมือกับ สถาบันอาหาร (สอห.) ชี้เทรนด์อาหารวีแกนมาแรง จัดงานสัมมนา “Power to the Plants ตลาดอาหารวีแกน รู้ลึกก่อนใคร ไม่ตกเทรนด์”




     สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ร่วมจับมือกับ สถาบันอาหาร (สอห.) ชี้เทรนด์อาหารวีแกนมาแรง จัดงานสัมมนา “Power to the Plants ตลาดอาหารวีแกน รู้ลึกก่อนใคร ไม่ตกเทรนด์” ภายใต้โครงการศูนย์สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ปี 2562 แนะให้ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอาหารนำไปประยุกต์ใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจรับมือกับแนวโน้มตลาดโลก เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารของไทย
 
 
     อิทธิชัย ยศศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมผลักดันอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป (Food for Future) หนึ่งใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐและสอดรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และใช้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) พร้อมก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารอนาคตของอาเซียน ควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยการต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าอาหารให้สอดรับกับเทรนด์อาหาร ที่จะเน้นอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมทั้งโปรตีนทดแทน (Plant Based Food) เป็นหลัก ตามความนิยมบริโภคเพื่อรักษาสุขภาพลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากการบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์ รวมทั้งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่สร้างมลพิษในขั้นตอนการผลิต ประกอบกับเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะขาดแคลนเนื้อสัตว์ในอนาคต
 
 
     อิทธิชัย กล่าวต่อว่า สศอ. ได้ให้ความสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าอาหารด้วยการยกระดับการผลิตจากสินค้า Commodity ไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูง จึงได้พัฒนาศูนย์สารสนเทศอัจฉริยะอุตสาหกรรมอาหาร (Food Intelligence Center) อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 14 ปี โดยนำเสนอข้อมูลสารสนเทศเชิงลึกอุตสาหกรรมอาหาร เช่น การติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในแวดวงอุตสาหกรรมอาหาร ครอบคลุมทุกด้านไม่ว่าจะเป็น ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตหรือสินค้า กฎระเบียบและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง แนวโน้มด้านการตลาดและเมกะเทรนด์ที่สำคัญ รวมทั้งไฮไลท์สำคัญคือการศึกษาวิจัยเชิงลึกในประเด็นที่เป็นทิศทางในอนาคต ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยในวงกว้าง เพื่อเตรียมความพร้อมในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารให้เป็นอาหารอนาคต สามารถตอบสนองกับบริบทและแนวโน้มการบริโภคของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป สศอ. จึงได้จัดทำแนวทางการพัฒนาอาหารวีแกนเพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารไทย ซึ่งอาหารวีแกนเป็นอาหารที่มาแรงแซงอาหารทุกประเภทในหมวดเพื่อสุขภาพและได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ผลิตสินค้าชั้นนำระดับโลก อาทิ บริษัท Impossible Foods  Burger King  McDonald’s และ KFC  ที่ได้ออกผลิตภัณฑ์มาเปิดตลาดก่อน ไม่ว่าจะเป็น เบอร์เกอร์เนื้อไร้เนื้อ ไก่ทอดมังสวิรัติ และ บริษัท Kellogg  Unilever  และ บริษัท Nestlé  กำลังจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตามมาในเร็วๆ นี้ รวมทั้งกระแสความนิยมของผู้บริโภคทั่วโลกโดยเฉพาะชาวอเมริกาและยุโรป
 
 
     ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดอาหารวีแกนเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามการขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นตลาดส่งออกอาหารที่สำคัญของไทย ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยคนวีแกนในสหรัฐฯ เพิ่มจำนวนขึ้นจาก 2 ล้านคนในปี 2557 เป็น 20 ล้านคนในปี 2561 หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ต่อปีในช่วง 4 ปีหลัง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านอาหารของคนวีแกนในยุโรปเพิ่มขึ้นจาก 74,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ตลอดระยะเวลา 5 ปีหลัง (ปี 2557-2561) นอกจากนี้ สถิติจำนวนสินค้าใหม่ (New product launce) ที่ออกสู่ตลาดโลกใน ปี 2561 กลุ่มอาหารวีแกนมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่าสินค้าอาหารทั่วไปที่เพิ่มขึ้นเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งตัวชี้วัดดังกล่าวยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางการตลาดอาหารวีแกนที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม อันจะนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ รวมทั้งเป็นแนวทางในการวางนโยบายการพัฒนาของภาครัฐ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้ก้าวไปสู่ความยั่งยืนต่อไป
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

NEWS & TRENDS