สวทช.-วิทย์สัญจร ภาคเหนือ ปี’63

ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน “สวทช.-วิทย์สัญจร วิจัยเข้มแข็ง เสริมแกร่งภูมิภาค: นวัตกรรมสร้างสรรค์ พันธมิตรร่วมใจ ล้านนาก้าวไกล ด้วย วิทยาศาสตร์ เทค..




 
     ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน “สวทช.-วิทย์สัญจร วิจัยเข้มแข็ง เสริมแกร่งภูมิภาค: นวัตกรรมสร้างสรรค์ พันธมิตรร่วมใจ ล้านนาก้าวไกล ด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม” นำเสนอผลงานนวัตกรรมและบริการของ สวทช. พร้อมเดินหน้าตอบโจทย์การพัฒนาประเทศภายใต้ BCG Economy Model ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค ถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่การใช้ประโยชน์ในท้องถิ่นอย่างแท้จริง
 

     ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่ประกาศให้ปี 2563 เป็นปีแห่งเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy Year สวทช. ในฐานะหน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. ทำหน้าที่หลักในการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย จึงมุ่งตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้วยการขับเคลื่อนประเทศด้วยเศรษฐกิจสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ด้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) เข้าไปสร้างให้เศรษฐกิจในทุกกลุ่มของประเทศสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
 

     โดยมิติด้านการเกษตร นับเป็นหนึ่งในมิติที่สำคัญสำหรับการขับเคลื่อน BCG โมเดลเศรษฐกิจรูปแบบใหม่นี้ ซึ่ง สวทช. ใช้ความเชี่ยวชาญและศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา และการบริหารจัดการเทคโนโลยีที่ สวทช. มีอยู่เข้าไปช่วยวิจัยพัฒนา สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี และถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ แก่ชุมชนท้องถิ่นและหน่วยงานในภูมิภาคอย่างเข้มแข็งและจริงจัง ด้วยกลไกขับเคลื่อนใน 4 ด้าน คือ การพัฒนาเชิงพื้นที่ การเตรียมกำลังคน การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการ และการพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ขั้นแนวหน้า
 

     ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวต่อว่า สวทช. มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ผลงานวิจัยและพัฒนา เพื่อสนับสนุนส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้าน วทน. เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือภายใต้ BCG Economy Model ให้ประสบความสำเร็จได้ โดยร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรในพื้นที่ทุกภาคส่วนพัฒนาผลงานวิจัยและถ่ายทอดสู่การใช้ประโยชน์ในชุมชนท้องถิ่น ซึ่งในการจัดงานครั้งนี้ สวทช. ได้เปิดตัวโครงการสนับสนุนกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ภายใต้ชื่อ โครงการสนับสนุนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อชุมชน (CTAP) เพื่อยกระดับรายได้ ลดรายจ่าย ลดความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มศักยภาพของกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนให้เกิดการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน
 

     ด้าน วิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ด้วย BCG Economy Model ประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเน้นการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่เป็นการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล


    สำหรับจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยภาคการเกษตรและอาหารเป็นหลัก มีเป้าหมายที่จะใช้ BCG พัฒนาภูมิภาคให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรมอาหารภาคเหนือ เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารแปรรูปในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งการไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว วทน. มีความสำคัญอย่างมากที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการ เกิดเป็นนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ โดย สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร จะมีบทบาทสำคัญในการร่วมสร้างสรรค์ผลงานวิจัยด้าน วทน. เพื่อชุมชน และร่วมถ่ายทอดผลงานวิจัยเหล่านี้ผ่านกลไกการบริการต่างๆ สู่กลุ่มเป้าหมาย เป็นแรงหนุนให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมในพื้นที่ภาคเหนือต่อไป
 
 

www.smethailandlclub.com
ศูนย์รวมธุรกิจเอสเอ็มอี

NEWS & TRENDS