ทางรอด SMEs ไทยภายใต้พิษเศรษฐกิจ

เป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการทำธุรกิจให้ยั่งยืนนั้น หัวใจสำคัญคือต้องมีสินค้าที่ดี มีบริการสร้างความประทับใจ และการดูแลหลังการขายที่อบอุ่น แต่ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าธุรกิจลักษณะแบบนี้ กลับทยอยปิดตัวลงไปในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และตัวแปรทางพิษเศร..


 

     เป็นเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ว่าการทำธุรกิจให้ยั่งยืนนั้น หัวใจสำคัญคือต้องมีสินค้าที่ดี มีบริการสร้างความประทับใจ และการดูแลหลังการขายที่อบอุ่น แต่ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าธุรกิจลักษณะแบบนี้ กลับทยอยปิดตัวลงไปในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และตัวแปรทางพิษเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง จนทำให้ลูกค้าขาประจำเปลี่ยนเป็นลูกค้าขาจรยอดขายน้อยลง แต่ต้นทุนเท่าเดิม
 

     การแก้ปัญหาส่วนใหญ่คือการหาทางลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ลดขนาดองค์กร ลดสินค้าคงคลัง หรือหาเพิ่มเงินทุนจากแหล่งเงินทุนต่างๆ เช่นธนาคารพาณิชย์ แต่ด้วยเศรษฐกิจที่ตกต่ำแบบนี้ ธนาคารก็ต้องดูลูกค้าละเอียดกว่าที่เคยเนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดหนี้เสีย
 

     ดังนั้นถ้าเราต้องการกู้เงินในระยะเวลาที่จำกัด เราควรพิจารณาจากหลักประกันที่เรามีเป็นอันดับแรก และดูความยืดหยุ่นของธนาคาร ในการเลือกใช้หลักประกัน รวมถึงระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งในปัจจุบันหลักประกันในการขอกู้เงินกับธนาคารมีหลากหลายประเภทเช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่ดินเปล่า พันธบัตร เครื่องจักร เงินฝาก และรถยนต์ ฯลฯ
 

     โดยรถยนต์นั้นตอนนี้มีเพียงธนาคารเกียรตินาคินที่เดียว ที่สามารถใช้มาขอสินเชื่อสำหรับ SMEs ได้ ซึ่งวงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ใช้รถขอสินเชื่อได้สูงถึง 5 คัน ซึ่งจะสะดวกรวดเร็วกว่าหลักประกันประเภทอื่นๆ แต่อาจจะเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่ต้องการวงเงินไม่สูงมาก
 

     แต่ถ้าเจ้าของธุรกิจมีความต้องการวงเงินที่สูงกว่า 5 ล้านบาท หลักประกันประเภทอสังหาริมทรัพย์ ที่ดินเปล่า พันธบัตร เครื่องจักร เงินฝาก น่าจะตอบโจทย์วงเงินที่ต้องการได้มากกว่ารถยนต์ แต่ก็แลกมาด้วยระยะเวลาการพิจารณาอนุมัติวงเงินสินเชื่อที่มากขึ้น เพราะยิ่งถ้าวงเงินสูงมาก ธนาคารก็ต้องขอดูเอกสารเพิ่มเติมมากขึ้น เช่น จัดเตรียมผลประกอบการ, Statement, ดูยอดสั่งซื้อต่อเดือน, ค่าใช้จ่ายต่อเดือน ทำให้เสียเวลาเตรียมเอกสารต่างๆ ไม่ทันต่อความตัองการเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ
 

     ดังนั้นถ้าหากเรามีความจำเป็นต้องใช้วงเงินสินเชื่อจำนวนมาก ต้องรีบวางแผนกันสักหน่อย อย่ารอให้
ธรุกิจขาดสภาพคล่อง ต้องตรวจสอบการดำเนินงานของธุรกิจ และรายงานการเงินแบบรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน และคาดการณ์แนวโน้มสภาพคล่องทางธุรกิจในอนาคต แล้วเริ่มวางแผนการขอสินเชื่อล่วงหน้า เพราะกว่าจะผ่านการอนุมัติสินเชื่อต้องใช้ระยะเวลานาน แต่ก็คุ้มค่ากับเงินที่ได้มา และที่สำคัญตอนนี้มีมาตรการจากภาครัฐ และกรมสรรพากร ที่จับมือร่วมกันกับธนาคารพาณิชย์ ในการส่งเสริมเจ้าของกิจการที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 500 ล้านบาท ให้หันมาใช้ SME บัญชีเดียว โดยให้ธนาคารพาณิชย์ออกแคมเปญสินเชื่อ SME ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้กับเจ้าของกิจการ
 

     ซึ่งปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมมาตรการนี้อยู่หลายธนาคาร พร้อมทั้งมีสิทธิพิเศษให้มากมาย ทั้งส่วนลดดอกเบี้ย ส่วนลดค่าธรรมเนียม ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารเกียรตินาคิน ที่ให้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษเริ่มต้น 5% ต่อปี สำหรับเจ้าของกิจการที่นำอสังหาริมทรัพย์มาใช้เป็นหลักประกันขอสินเชื่อ KK SME บัญชีเดียวกับธนาคาร พร้อมทั้งยังมีแคมเปญพิเศษฟรีค่าธรรมเนียม โอน+ จ่ายผ่าน KK Biz e-banking,ฟรีสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับ SME, รับดอกเบี้ยเงินฝาก KK Smart Corporate Savingสูงสุด 1.25% ต่อปี พร้อมทั้งสิทธิพิเศษสำหรับเจ้าของกิจการและพนักงาน สามารถใช้สินเชื่อธนาคารเกียรตินาคินในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ* หากสนใจสามารถสอบถามได้ที่ธนาคาร หรือคลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
 

     ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการหาเงินทุนหรือการลดต้นทุนทางธุรกิจ สิ่งที่สำคัญคือการรู้ตัวให้เร็ว ปรับเปลี่ยนทิศทางธุรกิจให้ไว และต้องหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะขยายลูกค้า ขยายช่องทางการขาย ขยายธุรกิจ อยู่สม่ำเสมอ เพราะธุรกิจไม่มีความแน่นอน ถ้าเราทำเหมือนเดิม เราก็อยู่เท่าเดิม และถูกกระแสกลืนกินหายไปกับธุรกิจเดิม แต่ถ้าเราทำใหม่ คิดใหม่ โอกาสเติบโตก็มีเพิ่มสูงขึ้น
 
     *เงื่อนไปเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

 

NEWS & TRENDS