ไทยเครดิต มอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองชีวิต Covid – 19

ธนาคารไทยเครดิตฯ เผยผลสำรวจโควิด-19 กระทบธุรกิจนาโนหนัก ห่วงใยลูกค้า มอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ลูกค้านาโนและไมโครเครดิตฟรีนาน 90 วัน ชดเชย 100,000 บาท โดยไม่มีเงื่อนไขหรือต้องลงทะเบียนใดๆ


 
                   
     ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจไมโครมอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ฟรี 90 วัน โดยไม่มีระยะเวลารอคอย ชดเชย 100,000 บาท ให้แก่ลูกค้านาโนและไมโครเครดิตของธนาคารกว่า 170,000 รายทั่วประเทศ รับประกันโดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
 

     รอย ออกุสตินัส กุนารา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การปิดตลาดที่ไม่ใช่ธุรกิจอาหาร ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ธนาคารเองในฐานะผู้ดูแลกลุ่มลูกค้าธุรกิจนาโนและไมโครไม่อาจนิ่งนอนใจ จำเป็นต้องหาทางช่วยเหลือเพื่อลดภาระให้กับลูกค้า โดยทราบดีว่ากลุ่มธุรกิจนาโนเป็นกลุ่มที่เปราะบางและไม่มีเกราะป้องกันใดๆ ที่จะช่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
 

     ดังนั้นเพื่อปกป้องลูกค้า ธนาคารจึงมอบกรมธรรม์ประกันภัยฟรีให้กับลูกค้านาโนและไมโครเครดิต โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องลงทะเบียน หรือส่งเอกสารใดๆ เพียงแค่ได้รับ SMS ความคุ้มครองก็จะเริ่มตามกรมธรรม์ โดยหากลูกค้าได้รับความเสี่ยงเกิดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเข้าขั้นอาการโคม่า หรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ลูกค้าจะได้รับเงินชดเชย 100,000 บาท สามารถดูรายละเอียดการเคลมได้ผ่านข้อมูลในเว็บไซต์ของธนาคาร
 

     นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังเผยผลสำรวจผลกระทบทางเศรษฐกิจของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อธุรกิจนาโนและไมโคร จากการสุ่มตัวอย่างพ่อค้าแม่ค้าทั่วประเทศกว่า 1,800 ราย ในช่วงวันที่ 19 – 20 มีนาคม โดยมีรายละเอียดดังนี้
 

     - 93 เปอร์เซ็นต์ของพ่อค้าแม่ค้าในตลาดได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทำให้รายได้ต่อวันลดลงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะตลาดในกรุงเทพมหานคร จำนวนผู้บริโภคในตลาดหายไปอย่างเห็นได้ชัดทุกภูมิภาค โดยเฉลี่ยลดลงอยู่ระหว่าง 53 – 76 เปอร์เซ็นต์ต่อวัน

     - รายได้เฉลี่ยรวมต่อวันของพ่อค้าแม่ค้าทั่วประเทศลดลงจาก 8,581 บาท เหลือเพียง 4,148 บาท หรือ 52 เปอร์เซ็นต์ พ่อค้าแม่ค้าในตลาดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สูญเสียรายได้ต่อวันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ลดลงถึง 68 เปอร์เซ็นต์

     - จำนวนลูกค้าต่อวันทุกภูมิภาคเฉลี่ยลดลง 61 เปอร์เซ็นต์

- พ่อค้าแม่ค้าในตลาดภาคตะวันตก เช่น จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี เป็นต้น ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยผู้บริโภครายวันหายไปกว่า 76 เปอร์เซ็นต์

     - ผลกระทบจากผู้บริโภคในตลาดลดลง ทำให้ร้านค้าในตลาดซบเซา ธุรกิจที่รายได้หดหายลดฮวบมากที่สุดถึง 70 เปอร์เซ็นต์ คือ ธุรกิจแฟชั่น ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รองลงมาคือ 2 ธุรกิจที่รายได้ลดลงเฉลี่ยเท่ากันที่ 66 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ ธุรกิจบริการเฉพาะ เช่น ร้านเสริมสวย ร้านนวดและสปา ร้านตัดเสื้อ และธุรกิจดอกไม้สดและจัดสวน เช่น ร้านขายพวงมาลัย เป็นตัน ธุรกิจอันดับ 3 ที่รายได้ลดลงกว่า 48เปอร์เซ็นต์ คือ ร้านโชว์ห่วย หรือมินิมาร์ท ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคเลือกที่จะตัดการซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกก่อน

     - ผู้ประกอบการนาโนและไมโครเครดิตกว่า 1,100 ราย ยอมรับว่าต้องเผชิญกับปัญหาราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ในขณะที่พ่อค้าและแม่ค้ากว่า 500 ราย ยังคงสามารถหาวัตถุดิบที่ราคาเท่าเดิมได้อยู่

     - วิธีรับมือในการพยุงธุรกิจของพ่อค้าแม่ค้าในตลาด 34 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนพ่อค้าแม่ค้าทั้งหมดยอมรับว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีวิธีรับมืออย่างไร ในขณะที่ 24 เปอร์เซ็นต์ ตัดสินใจลดต้นทุน อีก 12 เปอร์เซ็นต์ พยายามหาสินค้าอื่นมาขายเพิ่มเติม และ 10 เปอร์เซ็นต์ วางแผนขอกู้เพิ่ม

     - นอกจากนี้ เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้ามีข้อเสนอแนะเพื่อขอบรรเทาความเดือดร้อน โดย 48 เปอร์เซ็นต์ ของข้อเสนอแนะ อยากให้มีการพักชำระหนี้ 16 เปอร์เซ็นต์ เสนอให้มีเงินกู้ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) 8 เปอร์เซ็นต์ อยากให้มีการลดค่างวดหรือลดดอกเบี้ย ในขณะที่ส่วนที่เหลือต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่ม ต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ และอื่นๆ
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

NEWS & TRENDS