กสิกรไทยแนะธุรกิจทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ลดความเสี่ยงโควิด-19

กสิกรไทย รณรงค์ให้ภาคธุรกิจทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ





      กสิกรไทย รณรงค์ให้ภาคธุรกิจทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยผู้ประกอบการหรือพนักงานสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้ไม่สะดุด แม้จะต้องทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from Home สำหรับใน 1 เดือนที่ผ่านมามีธุรกิจให้ความสนใจใช้บริการนี้เพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่ง


     ศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การใช้ชีวิตประจำวัน และการดำเนินธุรกิจ โดยแนวทางการปรับตัวที่เห็นได้ชัดของประชาชนทั่วไปเพื่อลดความเสี่ยงจากโรค คือ การเปลี่ยนมาชื้อของออนไลน์และการรับจ่ายเงินผ่านโมบายแบงกิ้งแทนการใช้เงินสด สำหรับแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการจะเน้นนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from home) ลดการออกมาติดต่องานกับองค์กรต่าง ๆ หรือติดต่อธนาคาร เพื่อลดความเสี่ยงให้กับพนักงาน ไปพร้อมกับการบริหารจัดการธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้
           

     สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ ธนาคารจึงอยากรณรงค์ให้ภาคธุรกิจทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งบริการดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ไม่สะดุด เพราะสามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่ต้องมาธนาคาร ธุรกรรมออนไลน์มีความปลอดภัยไม่ต่างจากที่เจ้าของธุรกิจ เซ็นเอกสารหรือเช็ค อีกทั้งการทำธุรกรรมออนไลน์ยังช่วยในการเก็บข้อมูลการทำธุรกรรมและสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งระบบของธนาคารมีความปลอดภัยตามมาตรฐานโลก และที่สำคัญที่สุดการทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้กับพนักงาน เจ้าของธุรกิจ และคนรอบตัว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยชาติในการหยุดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
           

     โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มีธุรกิจที่ปรับตัวต่อสถานการณ์ และหาแนวทางรองรับการทำงานที่บ้านมาสมัครใช้บริการธุรกรรมการเงินอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่ง ซึ่งบริการดังกล่าวจะช่วยตอบโจทย์ในหลายด้าน อาทิ การทำธุรกรรมรับจ่ายเงินให้กับคู่ค้าหรือพนักงานในทุก ๆ วัน สามารถใช้บริการ K-Cash Connect Plus (บริการจัดการทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์กสิกรไทย) ซึ่งเจ้าของธุรกิจสามารถจัดการธุรกรรมผ่านทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ไอแพด และคอมพิวเตอร์ โดยมีขั้นตอนการอนุมัติที่ลูกค้ากำหนดเองได้ สำหรับธุรกิจที่มีการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ สามารถใช้บริการ K-Trade Connect (บริการออนไลน์สำหรับการค้าต่างประเทศ) ในการรับจ่ายเงินกับคู่ค้าต่างประเทศ สามารถบันทึกข้อมูลรายการไว้ได้โดยไม่ต้องกรอกใหม่ พร้อมบริการ Trade e-Report (รายงานธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศทางอิเล็กทรอนิกส์) ที่จัดส่งให้ในรูปแบบอีเมลเพื่อแจ้งสถานะรายการโดยอัตโนมัติ  และบริการ K CONNECT-LG (บริการหนังสือค้ำประกันบนอินเตอร์เน็ต) ที่อำนวยความสะดวกให้ธุรกิจสามารถส่งคำสั่งขอออกหรือต่ออายุหนังสือค้ำประกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดูวงเงินคงเหลือและเช็คสถานะได้ในทุกขั้นตอน


     ศีลวัต กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยมีความมุ่งมั่นพัฒนาบริการเพื่อร่วมตอบโจทย์ในทุกสถานการณ์ธุรกิจ และพร้อมร่วมก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
 
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

NEWS & TRENDS