13 พันธมิตรจับมือเดินหน้าพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ EECi ช่วยเหลือ SME ไทยหลังโควิด-19

ครั้งแรกในประเทศไทย พิธีลงนามความร่วมมือแบบพหุพาคีออนไลน์ผ่านระบบ Webex ยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0





     ครั้งแรกในประเทศไทย พิธีลงนามความร่วมมือแบบพหุพาคีออนไลน์ผ่านระบบ Webex ประกาศเจตนารมณ์ในความร่วมมือเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 โดยการผลักดันแพลตฟอร์ม IDA หรือ Industrial IoT and Data Analytics Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไอโอที (IoT) และระบบวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ที่เชื่อมโยงข้อมูลจากเครื่องจักรการผลิต และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและอนุรักษ์พลังงานให้ดีที่สุด ตอบสนองความจำเป็นเร่งด่วนต่อการปรับตัวของ SME ในภาคการผลิต สอดรับการเปลี่ยนแปลงรอบด้านภายหลังจากโควิด-19
           

     ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประธานในพิธี กล่าวว่า


     “โลกหลังโควิดจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมจะมีความจำเป็นในการปรับตัวของทุกภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่มีการแข่งขันสูง และในปัจจุบันมีความผันผวนสูงเช่นเดียวกัน รัฐบาลจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยสนับสนุน SME ให้สามารถปรับใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม และรองรับความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”


     ขณะที่ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. กล่าวว่า แพลตฟอร์ม IDA สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายงาน เช่น 1) การตรวจวัดปริมาณการใช้พลังงานในโรงงาน (Energy Monitoring) เพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงาน 2) การปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต หรือ Overall Equipment Effectiveness (OEE) เพื่อเพิ่มผลผลิต (Productivity) แก่โรงงานอุตสาหกรรม 3) การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (Predictive Maintenance) เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต  มีเป้าหมายในการขยายผลสู่ 500 โรงงานในระยะ 3 ปี ซึ่งในปี 2563 นี้จะมีการติดตั้งระบบในโรงงานอุตสาหกรรมนำร่อง จำนวน 10-20 โรงงาน โดยเป็นการร่วมทดสอบระบบและอุปกรณ์ที่ใช้ในแพลตฟอร์ม IDA เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถเชื่อมต่อกันได้กับผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นนำจากต่างประเทศ


     ด้าน ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อช่วยยกระดับภาคอุตสาหกรรมเป็นพันธกิจหนึ่งที่สำคัญของสวทช. โดยในปี 2564 ได้เสนอให้รัฐบาลลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อสนับสนุนการขยายผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ (Translational Research) โดยการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (Sustainable Manufacturing Center: SMC) ขึ้นภายในเมืองนวัตกรรม ARIPOLIS ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองนวัตกรรมเป้าหมายภายใต้ EECi ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และระบบอัจฉริยะในอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy)


     และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC เป็นการช่วยลดช่องว่างของการพัฒนาอุตสาหกรรมและสามารถช่วยยกระดับการผลิตสู่ Industry 4.0 ได้ในอนาคต ซึ่งเทคโนโลยี “แพลตฟอร์ม IDA” (Industrial IoT and Data Analytics Platform: IDA Platform) เป็นแพลตฟอร์มไอโอทีและระบบวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม ที่ช่วยติดตาม วิเคราะห์ข้อมูล และตรวจสอบประสิทธิภาพการผลิต การใช้พลังงาน รวมถึงค่าสภาวะต่าง ๆ ของเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อช่วยปรับปรุงกระบวนการการผลิตให้มีศักยภาพและแม่นยำมากขึ้น สำหรับการเปิดตัวในวันนี้ก็นับเป็นหนึ่งในงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน ภายใต้ EECi ARIPOLIS แห่งนี้
               

     สำหรับกฟผ. พัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้กล่าวว่า “กฟผ.ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพลังงานในการดำเนินงานตามมาตรการอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงาน ซึ่งมีเป้าหมายประหยัดไฟฟ้าตามกลยุทธ์ในแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558 – 2579 ซึ่งที่ผ่านมา กฟผ. ดำเนินโครงการนำร่องศึกษาผลการลดการใช้ไฟฟ้า ผ่านการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า ที่ดำเนินงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2536


     ประกอบด้วย งานที่ปรึกษาในรูปแบบ ESCO ให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมทั้งรายใหญ่และรายเล็ก (SME) โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงเรียนและภาคครัวเรือน และโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ในปัจจุบัน กฟผ. มีนโยบายในการพัฒนาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมผ่านระบบ Smart Energy Digital Platform ซึ่งผสมผสานเทคโนโลยีดิจิทัลกับระบบตรวจวัดอัจฉริยะ และประมวลผลข้อมูลด้วยระบบ Data Analytic with AI ซึ่งจะตอบโจทย์เป้าหมายของการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานสูงสุด


     โดยประสบการณ์และ Core Competency ของ กฟผ. ในด้านต่าง ๆ จะถูกนำมาใช้ในการผลักดันโครงการ IDA แพลตฟอร์มเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เข้าสู่การเป็น Industrial 4.0 สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ กฟผ. ที่จะนำนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของทุกภาคส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย


     ในส่วนของดีป้า ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า ดีป้า และ สวทช. ได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของประเทศเสมอมา เพราะในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคดิจิทัลนั้นไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องเกิดจากการประสานความร่วมมือจากหลายฝ่าย เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนได้ ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นความร่วมมือด้านวิชาการส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อยกระดับการดำเนินงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ


     นอกจากนี้ในการพัฒนาพื้นที่ EEC ด้านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยดีป้า ได้เร่งสร้าง Thailand Digital Valley ใน EECd (Digital Park Thailand) เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งดีป้ามุ่งพัฒนาให้เกิดเป็นศูนย์กลางของการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของภูมิภาค หรือ ASEAN Digital Hub เพื่อรองรับการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เป็นพื้นที่ วิเคราะห์ ทดสอบ ทดลอง เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลของนักลงทุนและของ Digital startup ทั้งของไทยและต่างประเทศ


     โดยนอกจากหน่วยงานที่กล่าวมาแล้ว ยังมีหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชนอื่นๆ เข้าร่วมด้วย ได้แก่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.), สภาอุตสาหกรรม และบริษัทเอกชนทั้งที่เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีรายใหญ่ในวงการอุตสาหกรรม 4.0 ของโลกและบริษัทเอกชนไทย รวมทั้งสิ้นจำนวน 8 บริษัท ร่วมทำงานเพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่เข้าถึง ได้แก่ บริษัท ซีเมนส์ อินดัสเทรียล จำกัด, บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ออมรอน อีเลคทรอนิคส์,  บริษัท พาโลอัลโต้ เน็ตเวิร์กส์, บริษัท เน็กซ์พาย จำกัด, บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จํากัด และ สถาบันเทคโนโลยีการผลิตสุมิพล


     โดยแต่ละรายจะมีการสนับสนุนการทดลองใช้เทคโนโลยี/อุปกรณ์/ผลิตภัณฑ์ เพื่อทำการทดสอบการใช้งานจริงในโรงงานนำร่อง มีการแบ่งปันองค์ความรู้เพื่อการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการพัฒนากำลังคนและบุคลากรด้านอุตสาหกรรม 4.0 เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ IDA แพลตฟอร์มได้ โดยจะได้รับการประเมินความพร้อมในการก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยดัชนีชี้วัดความพร้อมอุตสาหกรรมสมัยใหม่ (Smart Industry Readiness Index) และการติดตั้งระบบมอนิเตอร์อัจฉริยะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nectec.or.th/innovation/ida
 


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

NEWS & TRENDS