SME รู้ทันความเสี่ยง เลี่ยงค่าเงินผันผวน ในโครงการ FX Options

จากการที่ค่าเงินบาทผันผวนไปมา อาจจะทำให้ผู้ประกอบการที่ทำการค้าระหว่างประเทศได้รับผลกระทบ หากตั้งราคาซื้อขายหรือคำนวณต้นทุนผิดพลาด รัฐบาลจึงได้จัดทำโครงการ FX Options ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก




     ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผันผวน เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ได้ส่งผลกระทบเป็นห่วงโซ่ทำให้เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน การเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าออกจึงเกิดขึ้นตลอดเวลาตามเหตุการณ์สำคัญของโลก
 
 
     สำหรับประเทศไทย ค่าเงินบาทก็มีความผันผวนมากเช่นกัน และมีแนวโน้มที่จะแข็งค่า เพราะไทยยังเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน แม้จะเกิดภัยพิบัติจากโรคระบาด การกีดกันทางการค้าทำให้ค่าเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งทางการค้าในภูมิภาคนี้
 
 
     ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นเพราะเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังระบุว่าตั้งแต่ต้นปี 2563 เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงโดยเฉลี่ย 1.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่อาจจะกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกในช่วงปลายปีเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐอาจทำให้เงินดอลลาร์อ่อนตัวลง
 
 
     จากการที่ค่าเงินบาทผันผวนไปมา อาจจะทำให้ผู้ประกอบการที่ทำการค้าระหว่างประเทศได้รับผลกระทบ หากตั้งราคาซื้อขายหรือคำนวณต้นทุนผิดพลาด รัฐบาลมีความเป็นห่วงผู้ส่งออก โดยเฉพาะรายย่อย ที่อาจติดตามตลาดเงินไม่ทัน จึงได้จัดทำโครงการ FX Options ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก
 
 
     มงคล ลีลาธรรม ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความกังวลกับรายได้ของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ค้าขายกับต่างประเทศ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนี้ มีความผันผวนมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรของผู้ประกอบการและขีดความสามารถในการแข่งขัน

 
      เพื่อต้องการสนับสนุนธุรกิจ ของผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกทั่วประเทศ ผ่านการใช้เครื่องมือทางการเงินที่จะรับประกันความเสี่ยงที่ผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน หรือ FX Options ดังนั้น สสว. จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติให้จัดทำ “โครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ทำการค้าระหว่างประเทศ” ให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) เป็นผู้ดำเนินการร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สถาบันธนาคารไทย ธนาคารพาณิชย์ 8 แห่ง โดยในปีนี้ได้เพิ่มเติมให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ คือ ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เข้าร่วมโครงการด้วย
 
 
     นอกจากนั้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่จะเข้าเรียนด้วยการจัดให้มีการอบรมความรู้ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจะมีทั้งการเรียนสดผ่าน Live ในระบบ Facebook และในระบบ e-Learning โดยโครงการนี้ ได้ยกทัพผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน และนำเข้า-ส่งออก มาให้ความรู้ผ่านการอบรมสัมมนาออนไลน์นี้   โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
 
 
     หลังจากผ่านการอบรมครบตามเงื่อนไขแล้ว ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์เป็นโอกาสทดลองใช้ FX Options ฟรี ในวงเงินสูงสุด 100,000 บาท แบ่งเป็นการประกันค่าเงิน 80,000 บาทต่อราย และช่วยค่าธรรมเนียมการค้าระหว่างประเทศ (Trade Related Fee) 20,000 บาท ต่อราย เมื่อผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ ดังนี้
 
 

  • จะต้องเป็นผู้ที่มีกิจการเป็นสมาชิก สสว.
 
  • เป็นผู้ส่งออก/นำเข้าที่มีรายได้ในปี 2561, 2562 หรือ 2563 ตามนิยาม สสว. (การผลิตไม่เกิน 500 ล้านบาท หรือการค้าส่ง/ค้าปลีก/ บริการ ไม่เกิน 300 ล้านบาท)
 
  • ผู้เข้าอบรมจะต้องเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารสูงสุดด้านการเงินหรือเจ้าหน้าที่การเงินที่ทำธุรกรรมกับธนาคาร
 
  • ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆที่โครงการฯกำหนด
 
 
      สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่าน www.eximfxoptions.com
 
 
      ทั้งนี้  โครงการส่งเสริมความรู้ด้านบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน และสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ ทำการค้าระหว่างประเทศ  มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการการเอสเอ็มอีมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วย FX Options ซึ่งจะเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์และช่วยพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้พร้อมรับมือกับการนำเข้าและส่งออกที่จะมีความผันผวนสูง
 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

NEWS & TRENDS