ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดโครงการ “คปภ. เพื่อชุมชน ปี 5” ณ ชุมชนเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยเชิงรุกสู่ชุมชนผ่านการถอดบทเรียน และเชื่อมโยงโครงการต่าง ๆ ของสำนักงาน คปภ. ให้สามารถตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของชุมชน พร้อมจัดให้มีการเสวนา “ประกันภัยน่ารู้สู่ชุมชน” โดยมีประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย นายกสมาคมการค้าผู้สำรวจภัยไทย และผู้จัดการกองทุนประกันชีวิต ร่วมเปิดโครงการ พร้อมทั้ง ได้รับเกียรติจากนางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และนายไพรัตน์ ขีดเขียน ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเกร็ด ร่วมเปิดโครงการและกล่าวต้อนรับ
ในโอกาสนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวเปิดโครงการ ในตอนหนึ่งว่า โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2560 โดยสำนักงาน คปภ. ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยลงพื้นที่ เรียนรู้วิถีชีวิต รับทราบสภาพปัญหาของชาวชุมชนรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเชิงรุกเพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันภัยและแนะนำให้ชุมชนทราบถึงบทบาทหน้าที่และภารกิจของสำนักงาน คปภ. ตลอดจนช่วยพัฒนาและส่งเสริมการทำประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) และประกันภัยประเภทต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชน รวมทั้งได้ถ่ายทอดวิถีชีวิตของชุมชนและการเรียนรู้ด้านประกันภัยออกสู่สาธารณชน โดยจัดทำเป็นรายการ คปภ. เพื่อชุมชนเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ ทำให้เกิดการเรียนรู้ด้านการประกันภัยในชุมชนและในวงกว้าง รวมทั้งทำให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมกับความต้องการของชุมชนต่าง ๆ
จากความสำเร็จข้างต้นทำให้มีการจัดโครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ในปีนี้ เป็นปีที่ 5 ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี จากภาคอุตสาหกรรมประกันภัย และกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยปีนี้โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน จะเน้นการเข้าไปสัมผัสกับบริบทและวิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ เพื่อนำระบบประกันภัยเข้าไปช่วยเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างตรงจุดให้กับชุมชน นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษเพิ่มเติม คือการเชื่อมโยงกับโครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ประกันภัย ของสำนักงาน คปภ. เพื่อให้การส่งเสริมด้านการประกันภัยตรงตามความต้องการของชุมชน ตลอดจนพิจารณาประเภทภัยหรือความเสี่ยงที่ประชาชนในชุมชน ให้ความสนใจในช่วงเวลานั้น ๆ เช่น การประกันภัยอัคคีภัย การประกันอุทกภัย การประกันภัยผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น ขณะเดียวกันการลงพื้นที่ “คปภ. เพื่อชุมชน” ยังมีรูปแบบของการสร้างการรับรู้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ผ่านการถอดบทเรียนจาก Case Study เป็นตัวเดินเรื่อง เพื่อถ่ายทอดให้กับคนในชุมชนได้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยที่ถูกต้อง และเป็นการส่งเสริมให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการคิด พัฒนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบบส่งต่อองค์ความรู้ภายในชุมชนด้วยกันเอง เพื่อร่วมเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการในระดับพื้นที่ และทิศทางในภาพรวมของระดับประเทศให้เป็นความสมดุลแบบ “เติมเต็มซึ่งกันและกัน” ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ได้อย่างเป็นระบบ