สุดล้ำหุ่นยนต์ช่วยลดอุบัติเหตุ และไฟไหม้ในโรงงาน เทคโนโลยีจากเกาหลี

 

     ปัจจุบันเรามักเจอเห็นข่าวเพลิงไหม้เกี่ยวกับโรงงานค่อนข้างเยอะ จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุในโรงงานอุตสาหกรรมไทย ปี 2564 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 112 ครั้ง โดยเป็นเหตุอัคคีภัย 92 ครั้ง และสาเหตุอื่นๆ 20 ครั้ง ซึ่งถือว่าเกิดบ่อยมาก อาจเป็นเพราะเนื่องจากเกิดจากปัจจัยหลายๆ ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าจัดการได้อย่างทั่วถึง

     วันนี้เราเลยมีเทคโนโลยีจากประเทศเกาหลีที่สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้ นั่นก็คือ หุ่นยนต์สุนัข-งู ที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนโรงงานอุตสาหกรรม ช่วยควบคุมความปลอดภัย และช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์

ความสุดล้ำของหุ่นยนต์ควบคุมความปลอดภัย

     อีกไม่นานหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยในโรงงานอุตสาหกรรม จะกลายเป็นสิ่งที่ทุกโรงงานอุตสาหกรรมต้องมีอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้ผลิตเองก็กำลังมองหาโซลูชันที่รักษาความปลอดภัยให้กับพนักงาน เพื่อป้องกันการบาดเจ็บหรือการตายของพนักงาน เพราะว่าถ้าพนักงานได้รับบาดเจ็บคนที่ต้องรับผิดชอบก็คือเจ้าของโรงงาน 

     Hyundai Steel กำลังทดสอบหุ่นยนต์ ที่สามารถช่วยป้องกันเกิดอุบัติเหตุหรือภัยพิบัติที่ส่งความเสียหายให้กับมนุษย์ หุ่นยนต์มีชื่อว่า Spot และ Guardian S ซึ่งหุ่นยนต์สองตัวนี้สามารถตรวจสอบว่าวาล์วแก๊สปิดหรือเปิดอยู่ และสามารถตรวจสอบพื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ดังนั้น มันจึงสามารถช่วยป้องกันการเกิดภัยพิบัติ อย่างเช่น การระเบิดหรือไฟไหม้ ฮุนได สตีล กล่าว

     และสำหรับธุรกิจที่กังวลว่าหุ่นยนต์สองตัวนี้จะสามารถรักษาความปลอดภัยเหมือนที่ว่าไว้ได้หรือไม่ บอกเลยว่าทุกคนไม่ต้องกังวลไป เพราะบริษัทได้รับรางวัลการจัดการความปลอดภัยในกระบวนการผลิตจาก World Steel Association (Worldsteel) สำหรับหุ่นยนต์สองตัวนี้ และเป้าหมายของบริษัทคือ จะใช้หุ่นยนต์ในโรงงานก๊าซ 156 แห่ง และโรงงานปิด 2,927 แห่ง

ฟังก์ชันของหุ่นยนต์ Spot และ Guardian S

     หุ่นยนต์ Spot จะเคลื่อนไหวเหมือนสุนัข และ หุ่นยนต์ Guardian S จะเคลื่อนไหวเหมือนงู ซึ่งหุ่นยนต์สองตัวนี้จะอยู่ในร่างเดียวกันมีลักษณะ คือ มีตัวเป็นสุนัข มีหัวเป็นงูนั้นเอง ความพิเศษของหุ่นยนต์สองตัวนี้สามารถตรวจจับความแตกต่างของอุณหภูมิ ก๊าซ เสียง และการสั่นสะเทือนในสภาพแวดล้อมการทำงานได้  ตัวหุ่นยนต์จะมีฟังก์ชันความปลอดภัยอัจฉริยะ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับก๊าซ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และมีกล้องที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่สามารถแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ให้กับผู้ที่ควบคุมได้ เพื่อแจ้งสัญญาณต่างๆ ที่เกิดขึ้น และช่วยให้พนักงานปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้น  และยังสวมกล้องถ่ายภาพความร้อนที่มีเทคโนโลยีสูงที่สามารถซูมได้ถึง 30 เท่า หมุนฟิล์มได้ 360 องศา และสามารถถ่ายวิดีโอพาโนรามา 170 องศาเพื่อจับภาพสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

     โดยหุ่นยนต์สองตัวนี้จะใช้สำหรับตรวจสอบพื้นที่อันตรายจากแก๊ส ตลอดจนการตรวจจับเพลิงไหม้และการรั่วไหลของสารเคมีในระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ยังจะใช้สำหรับงานที่มีความเสี่ยง เช่น การตรวจสอบพื้นปิดที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดพิษจากก๊าซ และหุ่นยนต์จะทำการตรวจสอบด้วยว่าพนักงานสวมอุปกรณ์ป้องกันหรือไม่ เพื่อช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

     บริษัท SK Innovation ได้ใช้หุ่นยนต์สองตัวนี้ในโรงงานปิโตรเคมี เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานของพนักงานด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างปลอดภัยให้กับพนักงาน และจะถูกนำมาใช้เพื่อนำทางใน Ulsan Complex ที่พื้นที่ขนาด 8.26 ล้านตารางเมตร เพื่อทำการตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่โรงงานที่มนุษย์เข้าถึงได้ยาก ซึ่งพื้นที่เหล่านี้รวมถึงท่อและอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีขนาดเล็ก หุ่นยนต์ที่มีลักษณะเหมือนงู (Guardian S) สามารถตรวจจับความผิดปกติต่างๆ  ด้วยกล้องที่ติดอยู่กับร่างกายของมัน

     Hyundai Steel และ SK Innovation ไม่ได้เป็นเพียงสองบริษัทที่ทำการทดสอบการทำงานร่วมกันระหว่างหุ่นยนต์และมนุษย์ในโรงงานอุตสาหกรรมในเกาหลี และยังรวมถึงบริษัทแม่ของ Herald Corp. Junheung Construction, Hanwha E&C และ Lotte E&C ก็ใช้หุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน และ Hanwha E&C และ Lotte E&C ใช้หุ่นยนต์ Dog Spot เพื่อทำการสำรวจสถานที่ก่อสร้างด้วยภาพ

     เป็นไงกันบ้าง พอเห็นแล้วเราอยากให้โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยนำหุ่นยนต์สองตัวนี้มาใช้เลย เพราะว่าจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุให้กับพนักงาน และยังทำให้พวกเขาทำงานอย่างสบายใจอีกด้วย

ที่มา http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20221020000578&np=1&mp=1

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

 

 

RECCOMMEND: TECH

จับตา 3 เทคโนโลยี ที่ช่วยติดสปีดธุรกิจให้ชนะคู่แข่ง 2568

ในยุคที่โลกหมุนเร็วนี้ 3 ปัจจัยสำคัญอะไรบ้างที่จะเปลี่ยนบทบาทของธุรกิจจากผู้นำให้กลายเป็นผู้ตามได้ หากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน

รวม 6 สตาร์ทอัพไทยพลิกโลก เปลี่ยนเกษตรดั้งเดิม สู่ Smart Farming

คาดการณ์ว่าประชากรโลกจะเพิ่มมากกว่า 9 พันล้านคนในปี 2050 เป็นโอกาสของธุรกิจเกษตรและการผลิตอาหารครั้งใหญ่ของไทย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม วันนี้ชวนมารู้จัก 6 สตาร์ทอัพไทยสายเกษตรที่ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือ เพื่อช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาธุรกิจเกษตรไทยมาฝากกัน

แสงตะวัน อ่อนน่วม พัฒนาแพลตฟอร์ม แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนให้ธุรกิจที่พักไซส์เล็ก

ปัญหาหนึ่งของธุรกิจโรงแรมเล็ก คือต้นทุนการดำเนินงานสูง และมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน แสงตะวัน อ่อนน่วม ซึ่งเห็น Pain Point ดังกล่าว จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Shin Platform Hotel Self-Service Solution ขึ้นมา เพื่อช่วยทดแทนแรงงานคน, บริษัท ชิบะรูม