Text: VaViz
ไม่ใช่แค่เรื่องราคาของผ้าอ้อมเด็กเท่านั้นที่แม่ๆ ต้องหนักอก เมื่อปริมาณหรือจำนวนชิ้นที่ต้องใช้ในแต่ละเดือนก็น่าหนักใจเหมือนกัน ยิ่งบ้านไหนที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้วล่ะก็ ยิ่งคิดหนักว่า “ผ้าอ้อมลูกใช้แล้วที่โยนทิ้งไป สุดท้ายแล้วไปไหนกันนะ?”
โดยเฉลี่ยแล้ว ทารกแต่ละคนนั้นใช้ผ้าอ้อมมากถึง 6,000 ชิ้น ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 400 ปี จึงจะย่อยสลาย ถ้ายังนึกภาพไม่ออกว่า มันมหาศาลมากแค่ไหน ขอบอกเลยว่า ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ถูกทิ้งลงหลุมฝังกลบในแต่ละปีนั้นสามารถพันรอบโลกได้ถึง 33 รอบเลยทีเดียว!
ดังนั้น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจึงเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดขยะในหลุมฝังกลบเป็นอย่างมาก ซึ่งทางสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) ได้ระบุว่า ในปี 2008 มีผ้าอ้อมประมาณ 4 ล้านตันที่ถูกทิ้งในสหรัฐอเมริกา โดยไม่มีการรีไซเคิลหรือการทำปุ๋ยหมัก และกว่าที่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจะย่อยสลายตามธรรมชาติได้ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีนั้น หมายความว่า ผ้าอ้อมชิ้นแรกสุดที่ผลิตเมื่อหลายสิบปีก่อน อาจจะยังคงถูกฝังกลบอยู่ที่ไหนสักแห่งในปัจจุบัน
ตัวเลขสุดช็อกนี้ ทำให้ HIRO Technologies สตาร์ทอัพจากเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา รีรอต่อไปไม่ได้ จึงลุกขึ้นมาคิดค้น MycoDigestible Diapers ซึ่งเป็น “ผ้าอ้อมสำเร็จรูป” ที่มาพร้อมกับ “เชื้อราสายพันธุ์เฉพาะ” ที่สามารถย่อยสลายพลาสติกได้ ซึ่งบรรจุแยกอยู่ในซองเล็กๆ ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาให้โลกใบนี้
อย่างไรก็ตาม แม่ๆ พ่อๆ อย่าพึ่งกังวลไปว่า แล้วแบบนี้มันจะปลอดภัยต่อก้นของลูกน้อยเราหรือเปล่า? เพราะอย่างที่เพิ่งบอกไปว่า ตัวเชื้อรากับตัวผ้าอ้อมนั้นเขาแยกกันมาเป็นชิ้นๆ ซึ่งการย่อยสลายจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนผ้าอ้อมเท่านั้น พูดง่ายๆ ว่า หลังจากที่ผ้าอ้อมถูกใช้แล้ว เราแค่ใส่ซองเชื้อราลงไปก่อนนำไปทิ้ง โดยไม่ต้องทำการฉีกซองใดๆ
โดยภายใน 1 – 2 สัปดาห์ ความชื้นจากอุจจาระ ปัสสาวะ และสภาพแวดล้อมจะเป็นตัวกระตุ้นให้เชื้อราเริ่มกระบวนการย่อยสลายพลาสติก และเปลี่ยนสภาพผลิตภัณฑ์ให้กลายเป็นดินสีดำเมื่อผ่านไป 9 เดือน ซึ่งทางบริษัทยังเดินหน้าทำการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อประเมินประสิทธิภาพการย่อยสลาย โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอีกด้วย
ในปัจจุบัน พบว่ามีเชื้อรามากกว่า 100 ชนิด ที่สามารถย่อยสลายพลาสติกได้ ซึ่งผ้าอ้อมเด็ก X เชื้อรากินพลาสติก ถือเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะทางบริษัทมีแผนที่จะทดลองเชื้อรานี้ในผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยของผู้หญิง และสิ่งของอื่นๆ ในครัวเรือนด้วยเช่นกัน
แท็กทีมกันมาเป็นคู่สุดกรีนแบบนี้ โอกาสที่จะช่วยลดขยะจากครัวเรือนให้โลก ดูท่าแล้วช่างน่าสดใสเสียจริงๆ.....
ที่มา: HIRO Technologies, Reuters, Kickstarter, Nonwovens Industry
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี