6 ทักษะแห่งอนาคต ที่คนโรงแรมสามารถ Upskill สู่ดาวเด่นใน Wellness Industry

 
               
      เชื่อว่าพนักงานโรงแรม นักศึกษาการโรงแรมและบุคลากรสายงานด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยวในขณะนี้น่าจะกำลังมีคำถามในใจว่า “จะเอาอย่างไรกับหน้าที่การงานของตัวเองดี?” ด้วยความที่ปัจจุบันนี้ไม่น่าจะมีใครที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า “ธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเมื่อไหร่?” และแม้จะมีวัคซีนออกมาแล้วในอนาคตก็ไม่น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายของคำถามนี้


     ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ไปไกลถึงขนาดที่ว่า ธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัวช่วงไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 ของปีหน้า 2564 ด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เรายังคงต้องรอคอยคำตอบกันต่อไป แต่ในฐานะของคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีภาระค่าใช้จ่ายต้องเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัว ความไม่ชัดเจนด้านอาชีพ ณ ขณะนี้อาจทำให้เราจำเป็นที่จะต้องมองหาทางออกอื่นสำรองไว้เป็นทางเลือกเพื่อความอยู่รอด เพราะในสถานการณ์นี้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต่างตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากพอๆ กัน
               

     คำถามต่อมาคือในเมื่อเราทำงานด้านการโรงแรมแล้วเราจะสามารถหาโอกาสในสายงานอาชีพอื่นอะไรได้บ้าง?





     หนึ่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายในระดับนโยบายระดับชาติที่น่าสนใจและสามารถปรับเพิ่ม (Upskill) จากงานโรงแรมเพื่อไปหาโอกาสในอุตสาหกรรมนั้นได้ นั่นคือ อาชีพในอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพหรือ Wellness Industry


     มีการคาดการณ์กันว่า หากโควิด-19 คลี่คลายลงด้วยชื่อเสียงด้านมาตรฐานสาธารณสุขของประเทศไทยทั้งบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในระดับโลก อัตราค่ารักษาพยาบาลที่ถูก อุปนิสัยที่มีความเป็นมิตรของคนไทย อาหารการกินที่หลากหลาย และที่สำคัญการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยที่มีคุณภาพติดอันดับต้นๆ ของโลก จะทำให้ไทยเราเป็นอีกหนึ่งประเทศเป้าหมายในการเดินทางมาท่องเที่ยวในแบบ Medical Tourism และ Wellness Tourism


     และนี่คือโอกาสด้านอาชีพที่พนักงานโรงแรมสามารถนำไปเป็นแนวทางในการปรับตัวเพื่อ Upskill ได้



1. Fitness – Personal Trainer



     โดยปกติแล้วงานโรงแรมจะมีฝ่าย Fitness อยู่ในบางโรงแรม การที่จะปรับตัวให้เข้าสู่อุตสาหกรรม Wellness นั้นเราสามารถ Upskill ตัวเองได้โดยการเข้าอบรมเป็นผู้ฝึกสอนส่วนตัว (Personal Trainer) เพื่อออกแบบ Class ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับเพศและวัย ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งใน Wellness Hotel / Resort, Nursing Home, Day Care และยังสามารถทำเป็น Freelance หรือธุรกิจส่วนตัวสอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคในความต้องการการมีรูปร่างและสุขภาพที่ดีได้ สำหรับสถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรการเป็น Personal Trainer และสามารถออกใบประกาศนียบัตรรับรองได้ เช่น Planforfit, Fitthai. เป็นต้น




     2.ครูสอน YOGA



     เมื่อพูดถึงภาพความเป็น Wellness Resort โยคะคืออีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นภาพจำของผู้คนทั่วไปเมื่อนึกถึงการเข้าพักในสถานที่ที่เป็น Wellness Resort การเป็นครูสอนโยคะจะทำให้เราสามารถออกแบบ Class สอนโยคะในแบบกลุ่มย่อยหรือกลุ่มใหญ่ที่มีรูปแบบการปฏิบัติสอดคล้องกับผู้เข้าร่วมแต่ละเพศและวัยต่างๆ นอกจากจะทำงานในสาย Wellness ได้แล้วการเป็นครูสอนโยคะ ยังสามารถทำให้เราประกอบธุรกิจส่วนตัวในรูปแบบ Freelance ได้ด้วยเช่นกัน


     ทั้งการเป็นผู้ฝึกสอนส่วนตัวหรือรับสอนตามสถานที่ต่างๆ หรือแม้แต่การมี Club สำหรับฝึกโยคะเป็นของตนเองก็ตาม สำหรับการเป็นครูสอนโยคะสามารถเริ่มตันได้จากการเข้ารับการฝึกอบรมตามสถาบันที่มีการเปิดสอน เช่น โรงเรียนบางกอกโยคะ ที่มีหลักสูตรการสอนเป็นครูโยคะที่จะทำให้ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถนำความรู้ไปออกแบบโปรแกรมโยคะเพื่อประกอบอาชีพได้ด้วย





3.นักโภชนาการ



     เป็นอีกหนึ่งสายอาชีพที่สำคัญใน Wellness Industry การเป็นนักโภชนาการจะเกี่ยวข้องกับการออกแบบอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้งการแปลงคำสั่งของแพทย์มาเป็นค่าพลังงานอาหารที่ผู้ป่วยควรจะได้รับในกรณีที่ต้องดูแลผู้ป่วยพักฟื้น การเป็นนักโภชนาการยังสามารถเพิ่มโอกาสในการประกอบธุรกิจส่วนตัวได้ด้วย เช่น การออกแบบคอร์สอาหารลดน้ำหนัก เมนูอาหารเพื่อล้างพิษในร่างกาย (Detox)


     โดยทั่วไปใน Wellness Resort เราจะได้เห็นProgram ด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มาพร้อมกับการเข้าพักในลักษณะของ “มื้ออาหารเพื่อสุขภาพที่เน้นการ Detox” ล้างสารพิษในร่างกายอันเป็นอีกหนึ่งจุดขายในความเป็น Wellness Resort ปัจจุบันการเป็นนักโภชนาการสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่การเรียนในระดับอุดมศึกษาและในบุคคลทั่วไป มีสถานบันที่สอนด้านการโภชนาการอยู่ เช่น คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ฝ่ายโภชนาการ เป็นต้น





4.การบริบาลและผู้ดูแลผู้สูงอายุ



     สายอาชีพแห่งอนาคตสอดรับกับการก้าวเข้าสู่ความเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะมีประชากรที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ถึงร้อยละ 16 ของประชากรทั้งหมด (อนันต์ อนันตกูล ภาคีสมาชิก สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง ราชบัณฑิตยสภา) ซึ่งผู้สูงอายุในปัจจุบันมีกำลังซื้อสูงรวมทั้งบุตรหลานที่มีกำลังจ่ายสูงเพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ดี การเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุจะสามารถทำงานใน Nursing Home, Day Care, Wellness Center, หรือการทำงานแบบ Freelance รับดูแลผู้สูงอายุนอกสถานที่ได้เช่นกัน


     แต่การจะเข้าสู่สายอาชีพนี้จำเป็นที่จะต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนของการศึกษาพื้นฐานด้านกายวิภาคศาสตร์ การดูแลสุขภาพอนามัยของร่างกาย การดูแลผู้ป่วยกรณีต่างๆ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง มีแผลกดทับ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับออกซิเจน เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยมีการสอนหลักสูตรนี้อยู่ ตัวอย่างเช่น Bangkok Intercare School หรือ มหาวิทยาลัย ฟาร์อีสเทิร์น (FEU: Wellness Training Center) เป็นต้น





5.ล่ามแปลภาษา



     เป็นสายอาชีพที่เริ่มต้นได้ง่ายที่สุดในการก้าวจากพนักงานโรงแรมสู่อุตสาหกรรม Wellness การเป็นล่ามแปลภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะจะอยู่ในขั้นตอนของ Communication ระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้บริการ กล่าวคือ เป็นตัวกลางในการแปลงความต้องการให้ได้รับในสิ่งที่ต้องการได้ตรงจุดที่สุด ถ้าจะมองภาพความสำคัญของล่ามแปลภาษาเราสามารถศึกษาได้จากกรณีของความนิยมของชาวต่างชาติในการเดินทางเข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทย (Medical Tourism) และต้องอยู่พักฟื้น


     ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยและ www.bltbangkok.com/news/4367/ ระบุว่าในปี 2018 มีชาวต่างชาติที่นิยมเดินทางมารักษาพยาบาลและพักฟื้นใน โรงพยาบาลเอกชนของไทยประกอบด้วย กลุ่มประเทศ Middle East 12.5 เปอร์เซ็นต์ เมียนมาร์ 8.7 เปอร์เซ็นต์ อเมริกา 6.2 เปอร์เซ็นต์ สหราชอาณาจักร 5 เปอร์เซ็นต์ ญี่ปุ่น 4.9 เปอร์เซ็นต์ และกัมพูชา 2.2 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวจีนกลุ่มผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากและกลุ่มที่เน้นความงามจะเพิ่มปริมาณการเข้ามาใช้งานมากขึ้นด้วยในอนาคต


     จะเห็นได้ว่าแต่ละประเทศมีภาษาที่แตกต่างกันไม่ได้จำกัดเฉพาะภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษเท่านั้น จากตัวอย่างจะเห็นว่า ภาษาอาหรับ / อารบิก ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน หรือแม้แต่ภาษาเพื่อนบ้านใกล้ตัวเราอย่าง ภาษาเมียนมาร์ ภาษากัมพูชา ถือเป็นกลุ่มภาษาที่สามารถสร้างโอกาสในสายงาน Medical Tourism และ Wellness Tourism ได้เช่นกัน





6.Perfumer - นักปรุงน้ำหอม



     สายอาชีพนี้ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่หากพูดถึงความสอดคล้องกับอุตสาหกรรม Wellness การเป็น Perfumer สามารถทำให้เราออกแบบกลิ่นต่างๆ ที่ใช้ในส่วนของ SPA และช่วยเพิ่มมูลค่าของการใช้บริการ SPA ได้ และหากกลิ่นที่เราออกแบบมีลักษณะเฉพาะตัว เป็นที่ชื่นชอบในระดับ Mass Market ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้เราสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ด้วยเช่นกัน บางคนสามารถผลิตน้ำหอมกลิ่นที่เป็นเอกลักษณะของตัวเองขายได้ ในประเทศฝรั่งเศสมีการเรียนการสอนหลักสูตร Perfumer กันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นไปจนถึงขั้นเป็น Professional Perfumer มีสถาบันสอนทำน้ำหอมที่มีชื่อเสียงอย่าง GIP - Grasse Institute of Perfumery ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ หรือแม้แต่สถาบัน Givaudan : International Flavors & Fragrances ของสวิสเซอร์แลนด์ก็เป็นอีกแห่งที่มีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน


     สำหรับประเทศไทยเรานั้นก็มีสถาบันสอนการปรุงน้ำหอมด้วย เช่น Artisan Valley และ Perfumer Academy Thailand นอกจากนี้ยังมีการจัดเป็น Workshop ย่อยให้ผู้ที่มีความสนใจแต่ยังไม่สะดวกเรียนแบบจริงจัง เช่น Workshop : Scent Designer (https://readthecloud.co/scent-designer-workshop/) นักออกแบบกลิ่นให้น้ำหอมและสินค้าที่จัดโดย The Cloud และ KBANKLIVE
 

     ทั้งหมดที่รวบรวมมานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโอกาสในสายงาน Wellness Industry ที่พนักงานโรงแรมสามารถปรับตัวเข้ารับโอกาสนี้ได้ ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงการทำงานในลักษณะ Multi Skill กันมาบ้างแล้ว ประเภทการทำงานในโรงแรมที่ต้องทำงานได้หลากหลาย เช่น ในแผนก Front Office ต้องสามารถทำงานได้ทั้ง G.S.A, G.R.O, Bell Boy, Operator หรือแม้แต่การทำงานข้ามแผนก เช่น เป็น Front Office แต่สามารถทำงานแผนก Housekeeping ได้แต่ในอนาคต Multi Skill นี้อาจจะไม่เพียงพอจากการแข่งขันด้านทักษะแรงงานที่สูงขึ้น รวมทั้งความไม่แน่นอนด้านอาชีพจากการเปลี่ยนแปลงที่เร็วขึ้นของอุตสาหกรรมต่างๆ จึงจำเป็นที่เราจะต้องเป็น Multi Skill แบบ “Cross Industry” ข้ามอุตสาหกรรมไปเลยจะทำให้มีแต้มต่อในด้านอาชีพและทางเลือกมากกว่า


     ซึ่งนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของทักษะแห่งอนาคต ที่คนโรงแรมจำเป็นจะต้องศึกษาและหาทางรับมือให้เร็วที่สุด



 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

บทความสมาชิก

4 ความท้าทาย ของธุรกิจโรงแรมรักษ์โลก เมื่อผู้บริโภคยังยึดติดกับความสบาย

เมื่อเทรนด์รักษ์โลกยังคงได้รับความนิยมและเกิดการตื่นตัวในทุกมุมโลก แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจะเอื้อให้ธุรกิจก้าวสู่ถนนสีเขียว นี่คือความท้าทายในการปรับตัวรับเทรนด์รักษ์โลกของธุรกิจโรงแรม

ทำไมธุรกิจ Online Travel Agency ในไทย ถึงไม่ประสบความสำเร็จ?

เคยสงสัยกันไหม? ว่าประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย มีโรงแรมทั้ง International Hotel Chain และแม้แต่ Local Chain ที่เติบโตไปในระดับโลก แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในการสร้าง Platform รับจองห้องพักในรูปแบบ OTA (Online Travel Agency) ของตนเอง

ลูกค้าขอสถานะ Confidential Guest ธุรกิจโรงแรมทำอย่างไร? ปกป้องความลับแขกได้ ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว

โดยปกติแล้วโรงแรมเราจะมีแขกประเภทหนึ่งที่ขอสถานะ Confidential Guest (CFG) ต้องการปกปิดการเข้าพักเป็นความลับทั้งเรื่องห้องพัก กิจกรรมต่างๆ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและ Privacy ซึ่งหลักๆ เลยก็จะเป็นแขกระดับ VIP หรือ VVIP ในความเป็น CFG ก็มีข้อยกเว้นเหมือนกัน เช่น หมายจับ หมายศาล อันนี้โรงแรมก็ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ แต่ก็ต้องตรวจสอบให้ดี